Advertisement
Advertisement

โตเกียว (24 เม.ย.) — Nissan Motor ประกาศว่า บริษัทคาดว่าจะขาดทุนสุทธิเป็นประวัติการณ์ระหว่าง 700 พันล้านเยน ถึง 750 พันล้านเยน (ประมาณ 4.91 พันล้าน – 5.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 164,141 – 175,841 ล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณที่สิ้นสุดเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ถึงเกือบ 10 เท่า
นี่จะเป็น ตัวเลขขาดทุนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท โดยเกิดจากการบันทึกค่าเสื่อมราคาทางบัญชี (impairment charges) และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร ท่ามกลางความพยายามฟื้นฟูกิจการภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Ivan Espinosa ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนนี้
Nissan ระบุว่า บริษัทได้บันทึกค่าเสื่อมราคามากกว่า 500 พันล้านเยน ในภูมิภาคอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น หลังจากทำการประเมินสินทรัพย์การผลิตใหม่ นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างอีกกว่า 60 พันล้านเยน
“เรากำลังดำเนินการอย่างรอบคอบในการปรับประมาณการผลประกอบการทั้งปีใหม่ สะท้อนถึงการทบทวนประสิทธิภาพของเราและมูลค่าสินทรัพย์การผลิตอย่างละเอียดถี่ถ้วน” – Ivan Espinosa กล่าวในแถลงการณ์
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Nissan และ Honda ได้ ยุติการเจรจาควบรวมกิจการมูลค่า
ทำไม NISSAN ขาดทุนขนาดนี้ในปี 2024
1. ค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ (Impairment Charges) มหาศาล
Nissan บันทึกค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์มากกว่า ¥500 พันล้านเยน จากการประเมินมูลค่าทรัพย์สินในอเมริกาเหนือ ละตินอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งสะท้อนถึงการลดมูลค่าของโรงงานและอุปกรณ์ที่ไม่สามารถสร้างรายได้ตามที่คาดหวังไว้
2. ค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กร (Restructuring Costs)
บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรมากกว่า ¥60 พันล้านเยน ซึ่งรวมถึงการลดกำลังการผลิตทั่วโลกลง 20% และการปลดพนักงาน 9,000 คน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการดำเนินงาน
3. ยอดขายตกต่ำในตลาดหลัก
-
จีน: ยอดขายลดลงถึง 14.3% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2024 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่มีราคาถูกกว่าและเทคโนโลยีล้ำหน้า
-
สหรัฐอเมริกา: ยอดขายลดลงเกือบ 3% โดยรวมแล้ว ตลาดจีนและสหรัฐฯ คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายทั่วโลกของ Nissan
4. การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสู่รถยนต์ไฟฟ้าช้าเกินไป
แม้ว่า Nissan จะเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเปิดตัว Leaf แต่ในช่วงหลังกลับล้าหลังคู่แข่ง เช่น Tesla และ BYD โดยเฉพาะในตลาดจีนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
5. ความล้มเหลวในการควบรวมกิจการกับ Honda
การเจรจาควบรวมกิจการกับ Honda มูลค่า $60 พันล้านล้มเหลวในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 เนื่องจาก Honda ต้องการให้ Nissan กลายเป็นบริษัทลูก ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ Nissan ปฏิเสธ ส่งผลให้บริษัทพลาดโอกาสในการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง
6. การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารท่ามกลางวิกฤต
CEO คนก่อนหน้า Makoto Uchida ลาออกหลังจากความล้มเหลวในการเจรจากับ Honda และผลประกอบการที่ย่ำแย่ โดย Ivan Espinosa เข้ารับตำแหน่งในเดือนเมษายน 2025 เพื่อดำเนินการฟื้นฟูบริษัท
7. การลดประมาณการกำไรจากการดำเนินงาน
Nissan ปรับลดประมาณการกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีลง 30% เหลือ ¥85 พันล้านเยน และประกาศงดจ่ายเงินปันผลสำหรับปีงบประมาณนี้
แนวโน้มในอนาคต
แม้จะเผชิญกับความท้าทายมากมาย แต่ Nissan วางแผนลงทุนเพิ่มเติม $1.4 พันล้านในจีนภายในปี 2026 เพื่อเปิดตัวรถยนต์พลังงานใหม่ 10 รุ่นภายในปี 2027 และมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้รวดเร็วขึ้น
nikkei
Advertisement
Advertisement