เลิกขาย Nissan Sylphy ในไทย เริ่ม 1 กันยายน 2020

Spread the love

ไม่ต้องรอเจนใหม่ Sylphy เลิกขายในไทย อย่างเป็นทางการ

ต้องยอมรับว่า ณ ตอนนี้ นิสสันประสบกับปัญหาขาดทุน ซึ่งได้ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2018 ระหว่างเมษายน – มิถุนายน ยอดขายลดลง 6.8% ทั้งนี้จะต้องมีการปรับลดจำนวนของพนักงานลงอีกราว 12,500 ตำแหน่งทั่วโลก พร้อมปรับแผนงานใหม่ ลดการผลิตลง 10% และลดจำนวนรุ่นลงอีก 10% โดยการปรับแผนการดำเนินงานใหม่ครั้งนี้ จะทำให้เสร็จสิ้นได้ภายในปี 2022

การเปิดตัวของ Nissan Almera เจนใหม่ ช่วยพยุงนิสสัน ประเทศไทยไปได้สักพัก รวมถึง All-NEW Nissan Kicks ใหม่ที่เปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2020 พึ่งส่งมอบรถเดือนสิงหาคม ถือว่าโคตรช้ามาก

ล่าสุดทางนิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ยกเลิกการวางจำหน่ายรถยนต์ 3 รุ่น ได้แก่ Nissan Sylphy , Teana และ X-Trail พร้อมดูแลลูกค้าต่อไป

ถือเป็นการสิ้นสุดของ Nissan Sylphy ในไทย และไม่ต้องรอเจนใหม่ เพราะเขาไม่ขายอีกแล้ว นิสสัน ประเทศไทยจะเน้นไปที่รถยนต์อเนกประสงค์ และรุ่นใหม่ๆมากกว่า รวมถึงตลาดรถยนต์ซีดานที่ลดลง ทำให้นิสสันยกเลิกไปในที่สุด

ปัจจุบัน นิสสัน ประเทศไทย มีรุ่นที่จำหน่ายได้แก่ Almera , Nissan Kicks , Nissan Terra , Nissan March , Nissan Note , Nissan Leaf , GT-R , Navara

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ 1541-1.jpg

แผน NISSAN NEXT

1) กระบวนการทำให้เกิดประสิทธภาพ: แนวทางปฏิบัติเพื่อปรับโครงสร้าง ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

แผนงาน

ปรับอัตราการผลิตของนิสสันลงร้อยละ 20 ให้เหลือเพียง 5.4 ล้านคันต่อปี ภายใต้การปฏิบัติงานตามช่วงเวลาการทำงานตามมาตรฐานปกติ
เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ได้มากกว่าร้อยละ 80 เพื่อเพิ่มผลกำไร
ลดจำนวนรุ่นรถยนต์ทั่วโลกลงร้อยละ 20 (ให้เหลือเพียง 55 รุ่น จากเดิม 69 รุ่น)
ลดต้นทุนแบบคงที่ลงประมาณ 3 แสนล้านเยน
ยุติการดำเนินงานของโรงงาน ณ บาร์เซโลน่า ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก
ควบรวมการผลิตของรถยนต์รุ่นสำคัญต่าง ๆ ในอเมริกาเหนือ
ยุติการดำเนินงานของโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย และมุ่งให้ความสำคัญกับโรงงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวในอาเซียน
ร่วมมือบริษัทในกลุ่มพันธมิตรในการใช้ทรัพยากร เช่น การผลิต รุ่นรถยนต์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ร่วมกัน

2) การให้ความสำคัญกับตลาดหลักและรถยนต์รุ่นสำคัญ

แผนงาน

มุ่งเน้นธุรกิจของนิสสันในประเทศญี่ปุ่น จีน และทวีปอเมริกาเหนือ
ใช้ประโยชน์จากความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตร เพื่อรักษาฐานทางธุรกิจของนิสสัน ในอเมริกาใต้อาเซียน และยุโรป
ยุติการการดำเนินงานในประเทศเกาหลีใต้ ยุติการดำเนินธุรกิจของดัทสันในรัสเซีย รวมถึงปรับแผนการดำเนินธุรกิจของบางประเทศในอาเซียน
ให้ความสำคัญกับรถยนต์รุ่นหลักในกลุ่ม C และ D Segment รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และรถสปอร์ต
เดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 12 รุ่น ในอีก 18 เดือนข้างหน้า
เพิ่มจำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึง เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ โดยตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 1 ล้านคัน ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2566
ในประเทศญี่ปุ่น นิสสันจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 2 รุ่น และรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ จำนวน 4 รุ่น เพื่อเพิ่มสัดส่วนของยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึงร้อยละ 60 ของยอดขายทั้งหมด
นำระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ ProPILOT มาใช้ในรถยนต์มากกว่า 20 รุ่นที่วางขายใน 20 ประเทศ โดยตั้งเป้าว่าจะมีรถยนต์จำนวนกว่า 1.5 ล้านคัน ที่ใช้ระบบ ProPILOT ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2566