Advertisement

Advertisement

เปิดราคา Nissan Sylphy e-POWER เริ่ม 730,000 บาท ในจีน

เปิดราคา Nissan Sylphy e-POWER เริ่ม 730,000 บาท ในจีน
Spread the love

Advertisement

Advertisement

Dongfeng Nissan Sylphy e-POWER เปิดราคาอย่างเป็นทางการ 4 รุ่นย่อย ราคา 138,900 – 174,900 หยวน หรือประมาณ 730,000 – 919,000 บาท

รูปลักษณ์การออกแบบไม่ได้แตกต่างจากรูปทรงปัจจุบัน กระจังหน้า V-Motion ล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ ด้านท้ายมาพร้อมโลโก้ e-POWER

ภายในห้องโดยสารยังคงโทนสีน้ำตาล-ดำ เบาะหนังกลับ แต่ปรับเปลี่ยนหน้าจอสัมสผัสส่วนกลางใหม่ คันเกียร์อิเล็กทรอนิกส์ออกแบบใหม่ ช่องแอร์ปรับเปลี่ยนใหม่

e-POWER ที่ Dongfeng Nissan เปิดตัวในซีดาน Sylphy เป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเจนที่ 2 ทำให้น้ำหนักเบา มีปริมาณอินเวอร์เตอร์ลดลง 40% และน้ำหนักลดลง 33% แรงบิดของมอเตอร์เพิ่มขึ้น 10% นอกจากนี้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ e-POWER สูงถึง 50% ทำให้ประหยัดน้ำมัน

ติดตั้งระบบ HR12 e-POWER รุ่น HR12 ที่ผลิตโดย Dongfeng Motor Co., Ltd. เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 72 แรงม้า หากรวมเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวม 136 แรงม้า อัตราความประหยัดน้ำมัน 25.6 กม./ลิตร

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 4649 มม.
  • กว้าง 1815 มม.
  • สูง 1445 มม.
  • ฐานล้อ 2712 มม.

กล่าวได้ว่าเทคโนโลยี e-POWER ของ Nissan จะช่วยให้ Nissan Motor เปิดบทใหม่ของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในตลาดจีน ตามแผนภายในปี 2568 จะมีรถยนต์ 6 รุ่นที่ติดตั้งเทคโนโลยี e-POWER ของ Nissan ในตลาดจีน

ขุมพลัง อี-พาวเวอร์ (e-POWER) เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานมาแล้วทั่วโลก โดยในระบบใหม่นี้มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กเพิ่มเติมเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานสูง เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก แต่ยังให้พลังงานไฟฟ้าในขนาดใกล้เคียงกัน

ประโยชน์ของ อี-พาวเวอร์ (e-POWER)

ขุมพลังแบบ อี-พาวเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-พาวเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย

Autohome

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้