NISSAN Sylphy e-POWER ยอดขาย 45,767 คันในจีน มิถุนายน 2022
Dongfeng-nissan ประเทศจีน ได้เผยข้อมูลยอดขายของ NISSAN Sylphy ครองอันดับ 1 ยอดขายรถยนต์ซีดานในประเทศจีน โดยล่าสุดในเดือนมิถุนายน 2022 Sylphy ขายได้กว่า 45,767 คัน นับว่าเป็นความสำเร็จต่อเนื่องอย่างยาวนาน เรียกได้ว่ามันคือ เดอะแบก ของนิสสัน ประเทศจีนก็ว่าได้
ในเดือนมิถุนายน Dongfeng Motor Co. & Ltd. (DFL) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในจีน ขายรถยนต์ได้ 91,867 คัน (รวมถึงแบรนด์ Nissan, Venucia และ Infiniti) เพิ่มขึ้น 64.6% จากเดือนพฤษภาคม 2022 และ เพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบรายปี
โดยเฉพาะแบรนด์ Nissan ขายได้ 81,166 คันในเดือนมิถุนายน 2022 เพิ่มขึ้น 79.1% แบรนด์ Venucia มียอดขายรถยนต์ 10,046 คัน เพิ่มขึ้น 71% ในเดือนมิถุนายน Infiniti ขายได้ 655 คันในจีน เพิ่มขึ้น 48.9%
Sylphy เป็นรถเก๋งขนาดกลางที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน ในปี 2009 Nissan Motor ได้ลงนามในข้อตกลงกับ Dongfeng Motor เพื่อสร้าง Sylphyในประเทศจีน ปี 2564 มียอดขายรวม 513,207 คัน ลดลง 5.1% เมื่อเทียบรายปี
NISSAN Sylphy ได้ติดตั้ง e-POWER ในปีก่อนแต่ถ้าเทียบไฟฟ้าล้วน คงต้องยกให้ BYD Song Plus EV ยอดขาย 26,623 คัน ในเดือนมิถุนายน และ BYD HAN ยอดขาย 25,439 คัน
Dongfeng Nissan Sylphy e-POWER มีจำหน่ายในประเทศจีน 4 รุ่นย่อย ราคา 138,900 – 174,900 หยวน หรือประมาณ 730,000 – 919,000 บาท
รูปลักษณ์การออกแบบไม่ได้แตกต่างจากรูปทรงปัจจุบัน กระจังหน้า V-Motion ล้ออัลลอย 5 ก้านคู่ ด้านท้ายมาพร้อมโลโก้ e-POWER
ภายในห้องโดยสารยังคงโทนสีน้ำตาล-ดำ เบาะหนังกลับ แต่ปรับเปลี่ยนหน้าจอสัมสผัสส่วนกลางใหม่ คันเกียร์อิเล็กทรอนิกส์ออกแบบใหม่ ช่องแอร์ปรับเปลี่ยนใหม่
e-POWER ที่ Dongfeng Nissan เปิดตัวในซีดาน Sylphy เป็นผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเจนที่ 2 ทำให้น้ำหนักเบา มีปริมาณอินเวอร์เตอร์ลดลง 40% และน้ำหนักลดลง 33% แรงบิดของมอเตอร์เพิ่มขึ้น 10% นอกจากนี้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ e-POWER สูงถึง 50% ทำให้ประหยัดน้ำมัน
ติดตั้งระบบ HR12 e-POWER รุ่น HR12 ที่ผลิตโดย Dongfeng Motor Co., Ltd. เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ผสานมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลัง 72 แรงม้า หากรวมเครื่องยนต์ และ มอเตอร์ไฟฟ้า ได้กำลังรวม 136 แรงม้า อัตราความประหยัดน้ำมัน 25.6 กม./ลิตร
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4649 มม.
- กว้าง 1815 มม.
- สูง 1445 มม.
- ฐานล้อ 2712 มม.
กล่าวได้ว่าเทคโนโลยี e-POWER ของ Nissan จะช่วยให้ Nissan Motor เปิดบทใหม่ของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าในตลาดจีน ตามแผนภายในปี 2568 จะมีรถยนต์ 6 รุ่นที่ติดตั้งเทคโนโลยี e-POWER ของ Nissan ในตลาดจีน
ขุมพลัง อี-พาวเวอร์ (e-POWER) เป็นการประยุกต์จากแนวคิดของเทคโนโลยีขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่มีอยู่ในนิสสัน ลีฟ (Nissan LEAF) ที่ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายและได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานมาแล้วทั่วโลก โดยในระบบใหม่นี้มีการติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กเพิ่มเติมเพื่อทำหน้าที่เป็นเครื่องปั่นไฟฟ้าพลังงานสูง เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าชาร์จเข้ามาเก็บในแบตเตอรี ลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภายนอก แต่ยังให้พลังงานไฟฟ้าในขนาดใกล้เคียงกัน
ระบบความปลอดภัย Intelligent Mobility
- ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS
- ระบบกระจายแรงเบรก EBD
- ระบบเสริมแรงเบรก BA
- ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ VDC
- ระบบช่วยลดความเร็วอัตโนมัติในขณะถอนคันเร่ง หรือ เข้าโค้ง AEB
- ระบบช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Intelligent Ride Control
- ระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Intelligent Trace Control
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Intelligent Emergency Brake
- ระบบช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning
- ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Around View Monitor
- ระบบตรวจจับ และ ส่งสัญญาณเตือนวัตถุรอบคัน MOD
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Intelligent Cruise Control (Adaptive)
- ระบบช่วยปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist
- ระบบเตือนเมื่อมีวัตถุตัดผ่านขณะถอยรถ Cross Traffic Alert
- ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning
- ระบบเตือนจุดอับสายตา Blind Spot Warning
ประโยชน์ของ อี-พาวเวอร์ (e-POWER)
ขุมพลังแบบ อี-พาวเวอร์ (e-POWER) ให้แรงบิดมหาศาลในทันทีและคงที่ตลอดเวลาทำให้มีอัตราเร่งที่รวดเร็วแต่นุ่มนวล นอกจากนี้ยังมีความเงียบในระหว่างการขับเคลื่อนเช่นเดียวกับนิสสัน ลีฟที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% โดยในระบบ อี-พาวเวอร์ เครื่องยนต์สันดาปภายในจะไม่ได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ จึงทำให้มีอัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ในรถยนต์ไฮบริดทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้งานในเมือง ซึ่งเทคโนโลยีสุดล้ำนี้ยังให้ผู้ขับขี่ได้รับประโยชน์เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (Battery Electric Vehicle – BEV) แต่สามารถลดความวิตกกังวลเมื่อต้องหาสถานีชาร์จไฟฟ้าได้อีกด้วย