ลาก่อน Nissan X-Trail เลิกขายไทย อดได้เห็นรุ่นใหม่
หลังจากมีการเอาชื่อ Nissan x trail และ Teana ออกจากเว็บ Nissan.co.th แสดงว่านิสสัน เลิกผลิตทั้งสองรุ่นอย่างเป็นทางการในไทยโดยปริยาย
ล่าสุดนิสสัน ประเทศไทย ประกาศชัดเจน ต่อตัวแทนจำหน่าย ยกเลิกการวางจำหน่ายรถยนต์ 3 รุ่น ได้แก่ Nissan Sylphy , Teana และ X-Trail พร้อมดูแลลูกค้าต่อไป
Nissan X-Trail ชื่อนี้เราคงคุ้นเคยกันดีของ Compact SUV แบบ Crossover SUV ผลิตโดยนิสสัน เปิดจำหน่ายในไทยตั้งแต่ปี 2548 หรือกว่า 16 ปีมาแล้ว อัพเกรดจนถึง เจนที่ 3 คือเจนปัจจุบันในบ้านเรา ก่อนประกาศเลิกจำหน่ายอย่างเป็นทางการเมื่อ 1 กันยายน 2020 ที่ผ่านมา
เมื่อว่าปัจจุบันเจนที่ 4 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา แต่คำประกาศยกเลิกขายในไทย ชัดเจนที่สุดแล้ว และเราจะไม่ได้เห็นเจนที่ 4 อย่างแน่นอน อนาคตของนิสสัน จะมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ ครอสโอเวอร์ SUV ตัวใหม่ๆมากกว่า
จากแผน NISSAN NEXT ทำให้นิสสันทั่วโลกต้องลดต้นทุนอย่างมหาศาล และลดจำนวนรถยนต์หลายรุ่น ซึ่งแผนดังกล่าวหันความสนใจไปในตัวครอสโอเวอร์ SUV และ กระบะมากกว่า รถยนต์ซีดานจะไม่เป็นที่คาดหวังของนิสสัน สักเท่าไหร่
แต่เราสงสัยว่า ทำไม X-Trail โดนบีบออก มีอยู่สองอย่างที่เป็นข้อสังเกต คือ 1. นิสสัน ประเทศไทยเตรียมเปิดตัวรุ่นไมเนอร์เช้นจ์ที่กำลังจำหน่ายในตลาดโลก 2. นิสสันเลิกผลิตจริงๆสำหรับ X-Trail แต่ความเป็นไปได้ที่ X-trail ได้ไปต่อมีค่อนข้างมากกว่า Teana ด้วยซ้ำ
ตอนนี้ NISSAN ประเทศไทยมีรถมากกว่า 10 รุ่นมีรุ่นเปิดตัวใหม่ในปีนี้เพียงรุ่นเดียวคือ Nissan Kicks แม้ว่าเริ่มส่งมอบเดือนสิงหาคมนี้ แต่การเปิดตัวมาก่อนแล้วช่วงพฤษภาคม หรือช้ากว่า 2 เดือนนิดๆ อย่างไรนิสสัน ประเทศไทยยังคงต้องรอสู้อีกมากมาย เพื่อความอยู่รอด และรถยนต์รุ่นใหม่ๆจะมีการเปิดตัวในไทย อีกมากพอสมควร
NISSAN X-TRAIL เจนที่ 4
นิสสัน สหรัฐอเมริกา เคาะฤกษ์เปิดตัว All-NEW Nissan X-Trail ใหม่อย่างเป็นทางการ วันที่ 15 มิถุนายน 2020 หลังจากประกาศแผนเปิดตัวรถใหม่นิสสันทั้ง 12 รุ่น ภายใน 12 เดือนข้างหน้า เป็นที่ชัดเจนว่ารุ่นใหม่ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่อย่างสมบูรณ์ Rogue ใหม่ (นิสสันนิก Rogue ชื่อญี่ปุ่น: X-Trail) จะเปิดตัวในเวลา 9.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันที่ 15 มิถุนายน 2563
ขนาดมิติตัวถัง
- ความยาว 4,648 มม.
- ความกว้าง 1,839 มม.
- ความสูง 1,699 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,705 มม.
การออกแบบด้านหน้ายังคงใช้แบบ V motion grill แต่มีการขยายใหญ่น่าสนใจมากขึ้น มีสัญญาณไฟเลี้ยวที่ติดตั้งอยู่ด้านบนและ ไฟหน้า แบบ Multi-Level LED ไฟตัดหมอก LED ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED ที่ด้านบนไฟหน้าแบบ LED ไฟตัดหมอกทรงกลมขนาดเล็ก ตัวถังมีความสูงขึ้นเล็กน้อย . ประตูบานหลัง เปิดได้กว้างเกือบ 90 องศา
- ฐานล้อที่สั้นกว่า 0.1 นิ้ว (2.54 มม.), หลังคา 2.1 นิ้ว (53.3 มม.) ที่สั้นกว่าและกันชนที่อยู่ใกล้กัน 1.7 นิ้ว (43.2 มม.) .
- All-NEW Nissan X-trail / Rogue 2020 พัฒนาแพล็ตฟอร์ม CMF-C / D
- เกรดที่ต่ำกว่า SL และ SV จะได้ล้อขนาด 19 นิ้วเบาะหนังหลังคาแบบพาโนรามาและประตูท้ายแบบแฮนด์ฟรีเป็นมาตรฐาน (ในอดีต) และล้อขนาด 18 นิ้วพร้อม ProPilot Assist
ไฟท้ายกว้างขึ้น และสปอยเลอร์ท้ายได้รับการออกแบบใหม่ แผ่นกันกระแทกและราวหลังคาโลหะ นอกจากนี้ยังจะมีหลังคาที่เพรียวบางและการรักษา D-pillar ที่คุ้นเคย การออกแบบด้านหลังมาพร้อมไฟท้ายออกแบบใหม่ สปอยเลอร์สปอร์ต
ระบบ Infotainment หน้าจอ 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto และรุ่นหน้าจอ 9 นิ้วสามารถเลือกได้เพิ่มเติม มันติดตั้งอยู่ด้านบนของแดชบอร์ดซึ่งง่ายต่อการมองเห็น
หน้าปัดแบบ Full Digital หน้าจอสัมผัสแบบลอยขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว จอแสดงผล head-up สี 10.8 นิ้ว ระบบเกียร์อิเล็กทรอนิกส์ฐานเกียร์ใหม่ ปุ่มสำหรับเลือกโหมดการขับขี่ พวงมาลัยใหม่ มีการลดจำนวนปุ่มเพื่อรวมศูนย์การควบคุมเดียว พอร์ต USB-A และ USB-C ProPilot Assist พร้อม Navi-Link, Apple CarPlay ไร้สาย, แผ่นชาร์จไร้สาย Qi, ระบบ Bose 10 ลำโพง
ระบบ ProPilot Assist ล่าสุดนั้นมาพร้อมกับเรดาร์ระยะไกลและกล้องมุมมองที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับคนเดินเท้า ระบบควบคุมการเคลื่อนที่ของยานพาหนะซึ่งทำงานร่วมกับระบบ AWD
เครื่องยนต์เบนซิน Direct Injection พร้อม e-VTC ฝั่งไอดี PR25DD 2.5 ลิตร ให้กำลัง 181 แรงม้า แรงบิต 245 นิวตัน-เมตร ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ CVT Xtronic CVT ขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive แบบกระจายแรงขับเคลื่อนอัตโนมัติ พร้อมระบบ limited slip differential และ 2WD
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-Wheel Drive
- Off-Road
- Snow
- Standard
- ECO
- Sport
ระบบความปลอดภัย
- ระบบถุงลมนิรภัยรอบคัน 10 ตำแหน่ง
- ระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา Around View Monitor
- ระบบกล้องที่กระจกมองหลัง RearView Monitor
- ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ProPILOT Assist
- ระบบ Nissan Safety Shield 360 ประกอบด้วย
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning
- ระบบเบรกอัตโนมัติ Emergency Braking
- ระบบเบรกอัตโนมัติขณะถอยหลัง Rear Automatic Braking
- ระบบตรวจจับคนเดินถนน Pedestrian Detection
- ระบบเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Attention Assist
- ระบบตรวจจับวัตถุรอบคัน Moving Object Detection
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Intelligent Cruise Control
- ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Warning
- ระบบเตือนรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert
- เทคโนโลยีช่วยลดอาการโยนตัวบนทางขรุขระ Ride Control
- เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง Trace Control
- ระบบไฟสูงอัตโนมัติ Auto High Beam Assist
- ระบบเตือนป้ายจราจร Traffic Sign Recognition
แผน NISSAN NEXT
1) กระบวนการทำให้เกิดประสิทธภาพ: แนวทางปฏิบัติเพื่อปรับโครงสร้าง ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
แผนงาน
- ปรับอัตราการผลิตของนิสสันลงร้อยละ 20 ให้เหลือเพียง 5.4 ล้านคันต่อปี ภายใต้การปฏิบัติงานตามช่วงเวลาการทำงานตามมาตรฐานปกติ
- เพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตให้ได้มากกว่าร้อยละ 80 เพื่อเพิ่มผลกำไร
- ลดจำนวนรุ่นรถยนต์ทั่วโลกลงร้อยละ 20 (ให้เหลือเพียง 55 รุ่น จากเดิม 69 รุ่น)
- ลดต้นทุนแบบคงที่ลงประมาณ 3 แสนล้านเยน
- ยุติการดำเนินงานของโรงงาน ณ บาร์เซโลน่า ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก
- ควบรวมการผลิตของรถยนต์รุ่นสำคัญต่าง ๆ ในอเมริกาเหนือ
- ยุติการดำเนินงานของโรงงานในประเทศอินโดนีเซีย และมุ่งให้ความสำคัญกับโรงงานในประเทศไทย ซึ่งเป็นฐานการผลิตแห่งเดียวในอาเซียน
- ร่วมมือบริษัทในกลุ่มพันธมิตรในการใช้ทรัพยากร เช่น การผลิต รุ่นรถยนต์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ร่วมกัน
2) การให้ความสำคัญกับตลาดหลักและรถยนต์รุ่นสำคัญ
แผนงาน
- มุ่งเน้นธุรกิจของนิสสันในประเทศญี่ปุ่น จีน และทวีปอเมริกาเหนือ
- ใช้ประโยชน์จากความร่วมมือของกลุ่มพันธมิตร เพื่อรักษาฐานทางธุรกิจของนิสสัน ในอเมริกาใต้อาเซียน และยุโรป
- ยุติการการดำเนินงานในประเทศเกาหลีใต้ ยุติการดำเนินธุรกิจของดัทสันในรัสเซีย รวมถึงปรับแผนการดำเนินธุรกิจของบางประเทศในอาเซียน
- ให้ความสำคัญกับรถยนต์รุ่นหลักในกลุ่ม C และ D Segment รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และรถสปอร์ต
- เดินหน้าเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 12 รุ่น ในอีก 18 เดือนข้างหน้า
- เพิ่มจำนวนรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึง เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ โดยตั้งเป้าจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจำนวน 1 ล้านคัน ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2566
- ในประเทศญี่ปุ่น นิสสันจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 2 รุ่น และรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีอี-พาวเวอร์ จำนวน 4 รุ่น เพื่อเพิ่มสัดส่วนของยอดขายของรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึงร้อยละ 60 ของยอดขายทั้งหมด
- นำระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ ProPILOT มาใช้ในรถยนต์มากกว่า 20 รุ่นที่วางขายใน 20 ประเทศ โดยตั้งเป้าว่าจะมีรถยนต์จำนวนกว่า 1.5 ล้านคัน ที่ใช้ระบบ ProPILOT ภายในสิ้นปี พ.ศ. 2566