20 รถยนต์ขายดีในสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2023 FORD F-SERIES ยังคงอันดับ 1
Ford F-Series ยังคงเป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาหลังจาก 47 ปีติดต่อกัน ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 2023 ฟอร์ดจะกลับมาครองตำแหน่งแบรนด์ที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ในปี 2022 โตโยต้าถูกแซงหน้าเนื่องจากวิกฤตการขาดแคลนชิป
อย่างไรก็ตาม หากคำนวณตามบริษัทผู้ผลิต เจนเนอรัล มอเตอร์สจะเป็นผู้ผลิตอันดับ 1 อันดับ 1 ด้วยยอดขาย 2,577,648 คัน ภายใต้แบรนด์เชฟโรเลต จีเอ็มซี บูอิค และคาดิลแลค นอกจากนี้ในปี 2023 ฮุนได, เกีย, มาสด้า, เทสลา และบีเอ็มดับเบิลยู จะมียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสหรัฐอเมริกา
20 รถยนต์ขายดีในสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2023
- FORD F-SERIES : 750,789 คัน
- CHEVROLET SILVERADO : 543,319 คัน
- RAM PICKUP : 444,296 คัน
- TOYOTA RAV4 : 434,943 คัน
- TESLA MODEL Y : 394,479 คัน
- HONDA CR-V : 361,457 คัน
- GMC SIERRA : 295,737 คัน
- TOYOTA CAMRY : 290,649 คัน
- NISSAN ROGUE : 271,458 คัน
- JEEP GRAND CHEROKEE : 244,595 คัน
- TOYOTA TACOMA : 234.768 คัน
- TESLA MODEL 3 : 232,700 คัน
- TOYOTA COROLLA : 232,370 คัน
- CHEVROLET EQUINOX : 212,701 คัน
- HYUNDAI TUSCON : 209,624 คัน
- HONDA CIVIC : 200,381 คัน
- HONDA ACCORD : 197,947 คัน
- FORD EXPLORER : 186,799 คัน
- TOYOTA HIGHLANDER : 169,543 คัน
- SUBARU OUTBACK : 161,814 คัน
ในปี 2023 สหรัฐอเมริกามียอดจำหน่ายรถยนต์กว่า 15,588,049 คัน ซึ่งมี FORD เป็นผู้นำยอดขายดังกล่าวกว่า 1.90 ล้านคัน รองลงมาคือ TOYOTA ที่มียอดขายกว่า 1.88 ล้านคัน
- FORD : 1,904,0.38 คัน
- TOYOTA : 1,888,941 คัน
- CHEVROLET : 1.702.700 คัน
- HONDA : 1,156,591 คัน
- NISSAN : 834,091 คัน
- HYUNDAI : 796,506 คัน
- KIA 782,468 คัน
- TESLA : 654,888 คัน
- JEEP : 641,166 คันฟ
- SUBARU : 632,083 คัน
- GMC : 563,692 คัน
- RAM : 539,477 คัน
- MAZDA 365,044 คัน
- BMW : 361,654 คัน
- MERCEDES-BENZ : 354,723 คัน
- VOLKSWAGEN : 329,025 คัน
- LEXUS : 227,158 คัน
- AUDI : 227,158 คัน
- DODGE : 199,453 คัน
- BUICK : 166,852 คัน
สำหรับยอดขายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐฯ ปี 2022 อยู่ที่ 15.32 ล้านคัน
ปัจจัยที่ส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในสหรัฐฯ ปี 2023 เติบโต ได้แก่
- ความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น จากปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และผู้บริโภคต้องการรถยนต์ที่ปลอดภัยและประหยัดน้ำมันมากขึ้น
- ปัญหาการขาดแคลนชิปคอมพิวเตอร์ที่เริ่มคลี่คลายลง ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถผลิตรถยนต์ได้มากขึ้น
- แรงหนุนจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า เช่น การให้เงินอุดหนุนแก่ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า และการปรับลดภาษีนำเข้าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน
แนวโน้มตลาดรถยนต์ในสหรัฐฯ ปี 2024 คาดว่าจะยังคงเติบโต โดยคาดว่ายอดขายรถยนต์ใหม่จะอยู่ที่ประมาณ 16.5 ล้านคัน สาเหตุหลักมาจากความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกระแสความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงเติบโต