เปิดตัว SUZUKI e VITARA ไฟฟ้าล้วนรุ่นแรก เตรียมขายพวงมาลัยขวาปีหน้า
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2024 บริษัทซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบใช้แบตเตอรี่ (BEV) รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมาก ซึ่งก็คือ e VITARA ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยการผลิตจะเริ่มขึ้นที่บริษัทซูซูกิ มอเตอร์ รัฐคุชราต ในประเทศอินเดียในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2025 และคาดว่าจะเริ่มจำหน่ายในประเทศต่างๆ รวมถึงยุโรป อินเดีย และญี่ปุ่น ในช่วงฤดูร้อนปี 2025
สำหรับ SUZUKI e VITARA เป็นรถยนต์รุ่นต้นแบบที่พัฒนาต่อยอดจากรุ่น eVX ซึ่งจัดแสดงในงาน Auto Expo ที่จัดขึ้นในอินเดียเมื่อเดือนมกราคม 2023 และที่งาน JAPAN MOBILITY SHOW ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน โดยถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเชิงกลยุทธ์รุ่นแรกของ Suzuki
การออกแบบภายใต้แนวคิด Emotional Versatile Cruiser e VITARA จึงมีดีไซน์ที่ผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีขั้นสูงและความแข็งแกร่ง ระบบส่งกำลัง BEV ที่มอบประสบการณ์การขับขี่ที่คล่องตัวและเฉียบคม ระบบ 4WD ไฟฟ้า ALLGRIP-e ที่ไม่เพียงแต่ให้ความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรดเท่านั้นแต่ยังมีสมรรถนะอันทรงพลัง รวมถึงแพลตฟอร์ม HEARTECT-e ที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับรถยนต์ BEV โดยเฉพาะ
คุณสมบัติหลักของ e VITARA
1. การออกแบบที่ผสมผสานความรู้สึกล้ำสมัยของ BEV ยุคใหม่และความแข็งแกร่งของ SUV
ธีมการออกแบบคือ High-Tech & Adventure ซึ่งรวบรวมความรู้สึกล้ำสมัยของ BEV และลักษณะที่แข็งแกร่งของ SUV สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดความรู้สึกผจญภัย ภายนอกมีการออกแบบที่สะดุดตาโดยมีลักษณะเด่นคือยางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่และฐานล้อที่ยาว ในขณะที่ภายในมีจอแสดงผลแบบบูรณาการพร้อมอุปกรณ์ขั้นสูงและแผงหน้าปัดที่ดูแข็งแกร่งและคอนโซลกลาง ซึ่งสะท้อนถึงธีม High-Tech & Adventure
2. ระบบส่งกำลัง BEV ประกอบด้วย eAxle ที่มีประสิทธิภาพและแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟต
ระบบส่งกำลัง BEV ประกอบด้วย eAxle ประสิทธิภาพสูงที่ผสานรวมมอเตอร์และอินเวอร์เตอร์เข้ากับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนฟอสเฟตที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือ ทำให้สามารถเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่งได้อย่างคล่องตัวและเร่งความเร็วได้ทันใจขณะแซงจากความเร็วต่ำไปจนถึงความเร็วสูง
3. ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้า ALLGRIP-e ขับเคลื่อนด้วยเพลา eAxles อิสระ 2 เพลา
ALLGRIP-e คือระบบขับเคลื่อน 4 ล้อไฟฟ้าที่ใช้ความเชี่ยวชาญของซูซูกิในเทคโนโลยีขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมีเพลา eAxles อิสระ 2 เพลาที่ด้านหน้าและด้านหลัง ระบบนี้ไม่เพียงแต่ให้ประสิทธิภาพที่ทรงพลังเท่านั้น แต่ยังให้การควบคุมที่แม่นยำพร้อมการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีโหมด Trail ที่ช่วยให้หลบหนีจากพื้นผิวขรุขระได้อย่างราบรื่นโดยใช้เบรกกับยางที่หมุนและกระจายแรงบิดขับเคลื่อนไปยังยางอีกข้าง (ฟังก์ชัน LSD)
4. แพลตฟอร์ม HEARTECT-e ที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ
แพลตฟอร์มนี้ใช้แพลตฟอร์ม HEARTECT-e ที่พัฒนาขึ้นใหม่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ โดยมีโครงสร้างน้ำหนักเบา ป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูง และพื้นที่ภายในกว้างขวางเนื่องจากส่วนยื่นสั้น พื้นหลักขจัดส่วนใต้พื้นออกเพื่อเพิ่มความจุของแบตเตอรี่ให้สูงสุด
ข้อมูลด้านเทคนิค
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4,275 มม.
- กว้าง 1,800 มม.
- สูง 1,635 มม.
- ฐานล้อ 2,700 มม.
- รองรับ 5 ที่นั่ง
- ระยะห่่างพื้น 180 มม.
- ดิสก์เบรกหน้า-หลัง
มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวด้านหน้า
- ให้กำลัง 142 แรงม้า
- แรงบิด 189 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่ LFP 49kWh
- น้ำหนัก 1,702 กก. กก.
- ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ยาง 225/55R18
มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวด้านหน้า
- ให้กำลัง 174 แรงม้า
- แรงบิด 189 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่ LFP 61kWh
- น้ำหนัก 1,760 – 1,799 กก. กก.
- ล้ออัลลอย 18 นิ้ว และ 20 นิ้ว ยาง 225/55R18, 225/50R19
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่
- ให้กำลัง 181 แรงม้า
- แรงบิด 300 นิวตัน-เมตร
- แบตเตอรี่ LFP 61kWh
- น้ำหนัก 1,860 – 1,899 กก.
- ล้ออัลลอย 18 นิ้ว และ 20 นิ้ว ยาง 225/55R18, 225/50R19