Tesla ประกาศแนวโน้มการเติบโตปี 2025 แม้รายได้ไตรมาส 4 ปี 2024 ต่ำกว่าคาด
Tesla (TSLA) ประกาศแนวโน้มการเติบโตปี 2025 แม้รายได้ไตรมาส 4 ปี 2024 ต่ำกว่าคาด
หุ้น Tesla (TSLA) ปรับตัวขึ้น 4% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการของวันพุธ หลังจากบริษัทให้คำมั่นว่าธุรกิจจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2025 แม้ว่าผลประกอบการไตรมาสที่ 4 จะต่ำกว่าคาดการณ์ และปี 2024 จะเป็นปีที่บริษัทเผชิญกับการเติบโตของรายได้เพียง 1% ขณะที่กำไรลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2024
- รายได้รวม: 25.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 867,000 ล้านบาท ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 27.2 พันล้านดอลลาร์ 733,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 2% จากปีก่อน
- รายได้รวมตลอดปี 2024: 97.7 พันล้านดอลลาร์ หรือ 3.32 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 1%
- กำไรต่อหุ้น (EPS) ปรับปรุงแล้ว: 0.73 ดอลลาร์ ต่ำกว่าคาดการณ์ของ Wall Street ที่ 0.75 ดอลลาร์
- รายได้จากการดำเนินงาน: 1.58 พันล้านดอลลาร์ หรือ 53,300 ล้านบาท ลดลง 23% จากปีก่อน
- กำไรสุทธิปรับปรุงแล้ว: 2.6 พันล้านดอลลาร์ หรือ 87,750 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3%
Tesla ระบุว่าผลกระทบด้านลบต่อรายได้จากการดำเนินงานเกิดจาก ต้นทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และโครงการวิจัยและพัฒนา (R&D) รวมถึงราคาขายเฉลี่ยของรถยนต์ที่ลดลง
ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและแผนปี 2025
- รายได้จากธุรกิจยานยนต์ลดลง 8% ในไตรมาสที่ 4 และลดลง 6% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2023
- การผลิตรถยนต์ลดลง 7% ในไตรมาสที่ 4 แต่ยอดส่งมอบเพิ่มขึ้น 2%
- Tesla ส่งมอบรถยนต์ 495,930 คันในไตรมาส 4 ปี 2024 ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 510,400 คัน
- รวมทั้งปี 2024 Tesla ส่งมอบรถยนต์ 1.78 ล้านคัน ลดลง 1% จากปีก่อนหน้า นับเป็นครั้งแรกที่ยอดส่งมอบลดลงเมื่อเทียบรายปี
Model Y และการผลิตรุ่นใหม่
- Tesla CFO Vaibhav Taneja เปิดเผยว่าโรงงานผลิต Model Y จะต้องหยุดชั่วคราวในช่วงเปลี่ยนสายการผลิตเป็นรุ่นใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไร
- Tesla ยืนยันว่ารถยนต์รุ่นใหม่ รวมถึงรุ่นที่ราคาถูกกว่า ยังคงมีกำหนดเริ่มผลิตในครึ่งแรกของปี 2025
- Cybercab (Robotaxi) ยังคงอยู่ในแผนสำหรับการผลิตจำนวนมากในปี 2026 โดยจะเริ่มทดสอบบนท้องถนนภายในปีนี้
ระบบขับขี่อัตโนมัติ (FSD) และแผนขยายตลาด
- Tesla คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์จะกลับมาเติบโตในปี 2025 เนื่องจากความก้าวหน้าของ เทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ (Autonomy) และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่
- Elon Musk ระบุว่า FSD (Full Self-Driving) เวอร์ชันไร้คนขับแบบเสียเงิน จะเปิดตัวที่ Austin, Texas ในเดือนมิถุนายน
- แผนเปิดตัว FSD ในยุโรปและจีน คาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2025
ธุรกิจพลังงานเป็นจุดแข็งของ Tesla
- Tesla คาดว่าธุรกิจพลังงาน (Energy Storage) จะเติบโต 50% เมื่อเทียบรายปี
- ธุรกิจนี้ยังคงเป็นจุดเด่นที่ช่วยชดเชยรายได้จากยานยนต์ที่ชะลอตัว
การเมืองและผลกระทบต่อหุ้น Tesla
- Elon Musk กลายเป็น พันธมิตรคนสำคัญของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ในช่วงการเลือกตั้ง และมีบทบาทสำคัญในนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ
- หุ้น Tesla ปิดปี 2024 ด้วยแรงหนุนจากกระแสการเมืองของ Trump
- อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ต้นปี 2025 ถึงปัจจุบัน หุ้น Tesla ปรับตัวลดลงประมาณ 3%
เมื่อถูกถามถึงบทบาทของเขาในนโยบายอุตสาหกรรมสหรัฐฯ Musk ตอบว่า “เราจำเป็นต้องทำให้อุตสาหกรรมการผลิตกลับมาเป็นสิ่งที่น่าสนใจในอเมริกา… ตอนนี้อเมริกามีบุคลากรในสายกฎหมายและการเงินมากเกินไป และเราต้องการให้บุคลากรเหล่านี้หันมาทำงานด้านการผลิตมากขึ้น”
สรุป
Tesla ยังคงเผชิญกับความท้าทายในปี 2024 โดยเฉพาะการชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ และผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตาม บริษัทให้คำมั่นว่าปี 2025 จะเป็นปีแห่งการเติบโตอีกครั้งจาก FSD, รถยนต์รุ่นใหม่ราคาประหยัด และ Cybercab
นอกจากนี้ ธุรกิจพลังงานยังคงแข็งแกร่ง และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ ขณะที่แผนขยายตลาด FSD ไปยังยุโรปและจีนในปี 2025 อาจช่วยเสริมการเติบโตของ Tesla ในอนาคต
ทั้งนี้ การที่ Musk เข้าไปมีบทบาททางการเมืองและนโยบายอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่ออนาคตของ Tesla ในระยะยาว