Advertisement

Advertisement

ปรับราคาเพิ่มในไทย 50,000 บาท Tesla Model 3 Performance AWD (HIGHLAND) 460 แรงม้า

ปรับราคาเพิ่มในไทย 50,000 บาท Tesla Model 3 Performance AWD (HIGHLAND) 460 แรงม้า
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

 

 

 

ราคาจำหน่าย TESLA MODEL 3 ในไทยนำเข้าทั้งคันจากจีน

  • RWD 513 กม./ชาร์จ WLTP ราคา 1,599,000 บาท
  • LR AWD  629 กม./ชาร์จ WLTP ราคา 1,899,000 บาท
  • Performance AWD 528 กม./ชาร์จ WLTP ราคา 2,199,000 บาท (ปรับเพิ่ม 50,000 บาท)

พร้อมรับประกัน

  • รับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty นาน 4 ปี หรือ 80,000 km.
  • รับประกันแบตเตอรี่ และ ระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 160,000 km. (Rear-Wheel Drive)
  • รับประกันแบตเตอรี่ และ ระบบขับเคลื่อน 8 ปี หรือ 192,000 km. (Long Range)

Tesla โมเดล 3 อัปเกรดใหม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับประสบการณ์การการขับขี่ของผู้ขับ โดยจะมาพร้อมคุณสมบัติใหม่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกล้อใหม่ที่เป็นล้อ Photon ขนาด 18 นิ้ว และ Nova ขนาด 19 นิ้ว ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี มีดีไซน์สวยงาม พร้อมฝาครอบล้อแบบคัลเลอร์บล็อคเพื่อลดแรงลากเสียดสี ห้องโดยสารภายในตกแต่งใหม่ทั้งหมด โดดเด่นด้วยสไตล์ที่โอบล้อมคุณไว้ภายใน ปรับแต่งไฟบรรยากาศในแบบของคุณเอง ระบบเสียงที่ถูกอัปเกรดด้วยการติดตั้งลำโพง 9 ตัวในรุ่น Enhanced และ 17 ตัวในรุ่น Premium เพื่อประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ระดับโรงภาพยนตร์ ผู้โดยสารด้านหลังสามารถใช้งานระบบควบคุมจากทางด้านหลังผ่านหน้าจอคู่ในการควบคุมระบบปรับอากาศ ระดับความอุ่นของเบาะนั่ง ระดับเสียง และแม้แต่การเล่นวิดีโอและเกมทำได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ในครั้งนี้รถโมเดล 3 มีสองสีใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้เลือก ได้แก่สี Stealth Grey และสี Ultra Red ควบคู่ไปกับสีดำ สีขาว และสีน้ำเงินแบบคลาสสิก นอกจากนี้ ยังได้มีการออกแบบไฟท้ายใหม่ซึ่งมีรูปทรงตัว “C” ที่เฉียบคมเพิ่มความกว้างด้านท้ายของรถด้วยเส้นสายที่เพรียวบางและมีความโดดเด่น

รถโมเดล 3 ยังได้อัปเกรดคุณสมบัติใหม่อื่นๆอีกมากมาย ที่ทำให้ประสบการณ์การขับขี่รถโมเดล 3 ดีมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนพวงมาลัยใหม่ ให้เป็นแบบมัลติฟังก์ชันพิเศษแตกต่างจากแบบเดิม ช่วยลดความยุ่งยากในการขับขี่ ผู้ขับขี่สามารถคลิกเพียงครั้งเดียวเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันสำคัญต่างๆ เช่น สัญญาณไฟเลี้ยวและไฟสูง นอกจากนี้ ตัวควบคุมทางฝั่งด้านซ้ายยังสามารถปรับโหมดการเร่งความเร็ว ความสว่างหน้าจอ และการตั้งค่าอื่นๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย ในส่วนของการออกแบบห้องโดยสารที่มีส่วนประกอบจาก suspended elements เทคโนโลยีสิ่งทอและขอบอะลูมิเนียมแบบด้าน ที่เรียบง่ายและกลมกลืน ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและคำนึงถึงสภาพแวดล้อมห้องโดยสารที่ดีต่อสุขภาพ

สำหรับรถโมเดล 3 อัปเกรดใหม่ ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด การออกแบบตัวถังที่มีมาตรฐานสูงและโครงสร้างประตูที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ เสริมด้วยถุงลมนิรภัยด้านข้างที่นั่งแบบใหม่ที่ช่วยลดการบาดเจ็บของทั้งคนขับและผู้โดยสารหากมีการชน ยิ่งไปกว่านั้น ยังได้มีการปรับปรุงเรื่องการลดเสียงรบกวนด้วยการซีลแบบใหม่ รวมถึงกระจกกันเสียงแบบ 360 องศาถึงสองชั้น ช่วยเพิ่มความเงียบภายในห้องโดยสาร และสามารถลดเสียงรบกวนจากถนนสู่ภายในได้มากถึง 31% ในช่วง 50-1000 Hz นอกจากนี้ ด้วยพละกำลังมหาศาล อัตราเร่งที่ตอบสนอง และความสามารถในการใช้พลังงานแบบต่ำได้ ทำให้รถโมเดล 3 อัปเกรดใหม่ยังคงความเป็นเลิศในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าที่ขับได้ทั้งในเมืองและออกไปลุยในต่างจังหวัด ตอบสนองความต้องการของผู้ขับขี่ในทุกสภาพแวดล้อม ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางระยะสั้นหรือการเดินทางทางไกล รถโมเดล 3 จึงมีคุณสมบัติและฟังก์ชันที่สามารถมอบความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และความยั่งยืนในการขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ได้ทั้งหมด

ทั้งนี้ ไม่เพียงแต่รถโมเดล 3 เท่านั้นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ รถโมเดล Y ก็ยังได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วยเช่นกัน ซึ่งในตอนนี้ทั้งโมเดล Y และ โมเดล 3 จะมาพร้อมกับตัวเลือกการตกแต่งห้องโดยสารภายในด้วยสีขาว เพิ่มสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์และสร้างบรรยากาศแบบโลกของการขับขี่แห่งอนาคตอีกด้วย

เพื่อตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นของรถ SUV รถโมเดล Y มีการปรับราคาเพื่อให้ทุกคน ทุกกลุ่มเป้าหมายได้เข้าถึงมากขึ้น โดยมีการปรับราคาอยู่ที่ 1,699,000บาท สำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง RWD, 1,999,000 บาท สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ Long Range AWD และ 2,299,000 บาท สำหรับรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ Performance การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของ Tesla ในการเร่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของโลกสู่พลังงานที่ยั่งยืน ช่วยลดการปล่อยมลพิษ พร้อมต้อนรับผู้ขับขี่ให้หันมาใช้รถ EV มากขึ้น และในวันนี้คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ของรถยนต์โมเดล Y ได้ที่ป๊อปอัพบูทของTesla  ณ เซ็นทรัล ลาดพร้าว โดยท่านสามารถนัดหมายเพื่อทดลองขับได้ ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม ถึง 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566 หรือหากท่านสะดวกก็สามารถไปเยี่ยมชมศูนย์ Tesla Center สุดล้ำที่ถนนรามคำแหงและทำการนัดหมายเพื่อทดลองขับได้เช่นกัน

นอกจากนี้ ความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Tesla ในการมอบความสะดวกสบายและช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถขับรถไปได้ในระยะทางไกลยิ่งขึ้น  ปัจจุบัน Tesla มีเครือข่ายสถานี Supercharging อยู่ทั้งหมด 10 แห่งในประเทศไทย ซึ่งสถานี Supercharging แห่งใหม่ล่าสุดนอกกรุงเทพฯ ได้มีการสร้างเพิ่มขึ้นที่เซ็นทรัล โคราช โดยสถานี Supercharging นอกกรุงเทพฯ จะมีให้บริการที่เซ็นทรัล อยุธยา พัทยากลาง และในกรุงเทพฯ จะมีอยู่ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัล พระราม 2 เซ็นทรัล พระราม 3 เซ็นทรัลวิลเลจ สมุทรปราการ เซ็นทรัลเวิลด์ ไอคอนสยาม และมาร์เช่ ทองหล่อ

สิ่งที่น่าสนใจ

  • ระยะการวิ่งเพิ่มขึ้น 12%
  • ชิ้นส่วนรถใหม่เปลี่ยนกว่า 50%
  • เพิ่ม 2 สีใหม่ Ultra Red สีแดง และ  Stealth Gray สีเทา
  • พวงมาลัยออกแบบใหม่
  • ไฟบรรยากาศภายใน Ambient LED lighting ในรถตรง console
  • ช่วงล่างใหม่
  • หน้าจอเบาะหลังเหมือน Model S
  • แอโรไดนามิก เพิ่มขึ้น 8%
  • ค่าสัมประสิทธิการลาก 0.219cd.
  • ลดเสียงลมเข้า 30%
  • กระจกกันเสียง 2 ชั้น ด้านหลัง หลังคากระจกเต็มบาน
  • ยกเลิก คันเกียร์ และเข้าเกียร์บนหน้าจอควบคุมส่วนกลางขนาดใหญ่
  • จำนวนลำโพงในรถเพิ่มขึ้นเป็น 17 ตัว และมีไมโครโฟน 2 ตัว
  • เพิ่ม การระบายอากาศของเบาะนั่งคู่หน้า
  • ยกเลิก ก้านควบคุมที่ปัดน้ำฝนและสัญญาณไฟเลี้ยว และรวมฟังก์ชันต่างๆ เข้ากับพวงมาลัย
  • แผงชาร์จไร้สายคู่

หลังจากผ่านไปหกปี และยอดขายทะลุกว่า 2 ล้านคันทั่วโลก ได้เวลาที่ TESLA จะมอบความสดใสใหม่ให้กับรถยนต์ขายดีของแบรนด์อย่าง TESLA MODEL 3 ด้วยการปรับปรุงด้านความสวยงาม ระยะการเดินทางที่มากขึ้น และการอัพเกรดฟีเจอร์ต่างๆ หลังมีการทดสอบวิ่งภายใต้ชื่อรหัส Project Highland

เทสลากล่าวว่าได้ปรับปรุงหลักอากาศพลศาสตร์เพื่อดึงระยะที่มากขึ้นและเพื่อลดแรงต้านและเสียงลม สำหรับตอนนี้ การอัปเดตมีเฉพาะในเวอร์ชันขับเคลื่อนล้อหลังและระยะไกล (LR) ของยุโรปเท่านั้น

ไฟท้ายแบบ LED รูปตัว C ที่โดดเด่น โดยตอนนี้ Tesla สะกดอยู่ระหว่างไฟและแทนที่โลโก้ ล้อแบบหลายก้านยังได้รับการออกแบบใหม่อีกด้วย นอกจากนี้ยังมาพร้อมสีใหม่ 2 สี ได้แก่ Ultra Red และ Stealth Grey

ขนาดตัวถัง

  • ยาว 4,720 มม.
  • กว้าง 1,933 มม.
  • สูง 1,441 มม.
  • ระยะฐานล้อ – หน้าและหลัง 1,584 / 1,584 มม.
  • ระยะฐานล้อ 2,875 มม.
  • ระยะห่างจากพื้น 138 มม.
  • ปริมาตรท้ายรถยังเพิ่มขึ้นเป็น 682 ลิตร

ระยะทางที่เพิ่มขึ้น

Rear Wheel Drive มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว

  • ให้กำลัง 283 แรงม้า
  • แรงบิด 420 นิวตัน-เมตร
  • แบตเตอรี่ LFP 57.5 kWh
  • ระยะทางการวิ่ง 513  กม./ชาร์จ WLTP 
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.1 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 201 กม./ชม.
  • ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 11 ถึง 12 เปอร์เซ็นต์จากช่วง WLTP ของรุ่นปัจจุบัน
  • รองรับการชาร์จ AC 7.6 kW
  • รองรับการชาร์จ DC 170kW
  • น้ำหนัก 1,824 กก.

Long Range AWD มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ 

  • ให้กำลัง 498 แรงม้า
  • แรงบิด 493 นิวตัน-เมตร
  • แบตเตอรี่ NMC 75 kWh
  • ระยะการวิ่ง 629 กม./ชาร์จ WLTP
  • อัตราเร่ง 0-101 กม./ชม. ภายใน 4.4 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 200 กม./ชม.
  • ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 11 ถึง 12 เปอร์เซ็นต์จากช่วง WLTP ของรุ่นปัจจุบัน
  • รองรับการชาร์จ AC 11.5 kW
  • รองรับการชาร์จ DC 250kW
  • น้ำหนัก 1,824 กก.

Performance AWD (NEW)

  • มอเตอร์คู่ Dual Motors
  • ให้กำลัง 460 แรงม้า
  • ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD Performance
  • อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.1 วินาที
  • ความเร็วสูงสุด 262 กม./ชม.
  • แบตเตอรี่ (LG Chem) 79 kWh
  • ระยะทางวิ่ง 528 กม./ชาร์จ WLTP

อุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน ได้แก่

  • ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน Autonomous emergency braking with pedestrian detection
  • ระบบตรวจสอบจุดบอด Blind-spot monitoring
  • ระบบช่วยรักษาเลน Lane-keep assist
  • ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ Adaptive cruise control
  • กล้องถอยหลังพร้อมเซ็นเซอร์ช่วยจอดด้านหน้าและด้านหลัง Reversing camera with front and rear parking sensors

Model 3 RWD มาพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานดังนี้

  • ล้ออัลลอย FOTON ขนาด 18 นิ้ว
  • ไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟตัดหมอกในตัว
  • กระจกกันเสียง
  • ระบบอินโฟเทนเมนต์หน้าจอสัมผัสขนาด 15.4 นิ้ว
  • ระบบนำทางด้วยดาวเทียม
  • ภายในสีดำ
  • เบาะนั่งด้านหน้ามีช่องระบายอากาศ
  • แสงสว่างโดยรอบภายในห้องโดยสาร
  • หน้าจอสัมผัสด้านหลังขนาด 8.0 นิ้ว พร้อมระบบควบคุมสภาพอากาศและความบันเทิง
  • ระบบเสียงลำโพง 9 ตัว
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย 65W คู่
  • หลังคากระจกแบบพาโนรามา
  • รองรับการเชื่อมต่อแอพ
  • Dog Mode (รักษาอุณหภูมิห้องโดยสาร)
  • Camp Mode (รักษาอุณหภูมิห้องโดยสาร เปิดระบบความบันเทิงข้ามคืน)
  • โหมด Sentry (ตรวจสอบยานพาหนะ แจ้งให้คุณทราบถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น)

Long Range เพิ่ม

  • ระบบเสียงลำโพง 17 ตัว

ตัวเลือก หรือ แพ็คเกจเสริมสำหรับ 2 รุ่นได้แก่

  • ล้ออัลลอย 19 นิ้ว ‘Nova’: 1,800 ดอลลาร์
  • ภายในขาวดำ: 1,500 เหรียญ
  • ระบบอัตโนมัติที่ปรับปรุงแล้ว: 5100 ดอลลาร์
    • ระบบนำทางอัตโนมัติ
    • เปลี่ยนเลนอัตโนมัติ
    • จอดรถอัตโนมัติ
    • Summon โหมดสั่งการรถยนต์ไฟฟ้าให้ถอยออกจากที่จอดรถและขับด้วยความเร็วไม่เกิน 5 km/h
    • โหมด Smart Summon (เรียกรถมารับ)
  • ความสามารถในการขับขี่ด้วยตนเองเต็มรูปแบบ: 10,100 เหรียญสหรัฐ
    • ฟังก์ชันการทำงานอัตโนมัติที่ได้รับการปรับปรุงทั้งหมด
    • ระบบหยุดรถตามสัญญาณจราจรอัตโนมัติ Traffic Light and Stop Sign Control
    • Autosteer ครูสคอนโทรลแบบปรับตามสภาพจราจร (ที่กำลังจะมีขึ้น)

การสมัครสมาชิกการเชื่อมต่อระดับพรีเมียมนั้นฟรี 30 วัน และเพิ่ม:

  • แสดงข้อมูลการจราจร Live traffic information
  • แผนที่ดาวเทียม Satellite maps
  • การสตรีมวิดีโอและเพลง
  • Caraoke
  • Internet browsing

Performance AWD เพิ่มเติม

ภายนอกของ Model 3 Performance สร้างความแตกต่างในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์คาร์บอนไฟเบอร์ด้านหลังที่ช่วยเพิ่มความสวยงาม ในขณะเดียวกันก็ช่วยเพิ่มแรงกด เพิ่มความมั่นคงในการขับขี่เมื่อใช้ความเร็วสูง อีกทั้งด้านหน้าของรถที่อัปเกรดมาใหม่ ก็ยังช่วยลดแรงต้านอากาศและระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น ล้อแบบหน้าตื้นหลังลึก ขนาด 20 นิ้วดีไซน์ใหม่ โดดเด่นด้วยห้าก้านสีดำเพิ่มประสิทธิภาพอากาศพลศาสตร์และคาลิปเปอร์เบรกสีแดงสมรรถนะสูงที่มาพร้อมระบบกันสะเทือนแบบปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ช่วยตอบสนองในทุกเงื่อนไขของการขับขี่เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร

ภายในของ Model 3 Performance ได้สร้างคำนิยามความหรูหราขึ้นมาใหม่ ด้วยการอัปเกรดหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นคอนโซลด้านหน้าที่ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาที่ช่วยเพิ่มความสปอร์ตแสดงเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร ในขณะเดียวกันเบาะนั่งแบบสปอร์ตดีไซน์ใหม่ที่มาพร้อมกับระบบระบายอากาศมอบความสบายแก่ผู้ขับขี่ กับแผ่นรองเบาะด้านข้างช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่บนท้องถนนหรือการเข้าโค้งบนท้องสนามแข่ง และรถคันนี้ยังมาพร้อมกับโหมดสนามแข่งรุ่นที่ 3 ที่ปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้น เข้าใจประสิทธิภาพของตัวรถได้มากขึ้น พร้อมให้ลุยได้ทุกที่อย่างมั่นใจ

  • กันชนหน้าใหม่ BeSpoke Performance Design
  • สปอยเลอร์หลัง Carbon Fibre แบบ Built-in
  • ล้อ Forged ขนาด 20 นิ้ว ลาย Warp Wheels
  • ยาง Pirelli P Zero
  • ระยะต่ำสุดถึงพื้น  เตี้ยลงกว่ารุ่นปกติ 10 มม.
  • ปรับปรุงแชสซีส์ใหม่ Performance Chassis
  • ช่วงล่างแบบ Adaptive Suspension
  • โหมดการขับขี่แบบ TRACK Mode V3
  • ระบบเบรก High Performances
  • คาลิปเปอร์เบรกสีแดง
  • ภายในตกแต่ง Carbon Fibre
  • เบาะนั่งแบบ Sport Seats พร้อมสัญลักษณ์ Plaid

สีตัวถัง

  • Solid Black ($1500)
  • Deep Blue Metallic ($1500)
  • Stealth Grey ($2300)
  • Ultra Red ($2600)

การตกแต่งภายในของ Model 3 ดูพรีเมียมเรียบง่ายมากขึ้น ซึ่งประกอบด้วยอะลูมิเนียมและวัสดุผ้า ไฟส่องสว่างโดยรอบแบบใหม่ครอบคลุมทั่วทั้งห้องโดยสาร แบรนด์อ้างว่าห้องโดยสารเงียบขึ้นด้วยกระจกกันเสียงและวัสดุกันเสียงที่ได้รับการปรับปรุง

สิ่งที่น่าสนใจคือแม้รถใหม่จะยังไม่มีแผงหน้าปัดแบบ LCD ติดตั้งหน้าจอกลางขนาด 15.4 นิ้วมีขนาดเท่ากัน แต่มีขอบที่บางกว่าเพื่อให้พื้นที่หน้าจอใช้งานได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีจอแสดงผลด้านหลังขนาด 8.0 นิ้วใหม่พร้อมระบบควบคุมสภาพอากาศ การระบายอากาศ และระบบสาระบันเทิงในตัว Tesla ได้เปลี่ยนคันโยกที่ยึดกับเสาด้วยตัวควบคุมที่พวงมาลัย เช่นเดียวกับใน Model S และ Model X ด้านล่างเป็นแผงชาร์จไร้สายคู่ ช่องแอร์ที่ซ่อนอยู่ แน่นอนว่าปุ่มต่างๆ เกือบทั้งหมดจะถูกยกเลิก

ลูกค้ารุ่น LR จะได้เพลิดเพลินกับเสียงเพลงจากลำโพง 17 ตัว ซึ่งมากกว่าเดิมถึง 3 ตัว พร้อมด้วยซับวูฟเฟอร์ 2 ตัวและแอมพลิฟายเออร์ 2 ตัว RWD จะได้รับลำโพงเก้าตัว ซับวูฟเฟอร์หนึ่งตัว และแอมพลิฟายเออร์หนึ่งตัว Tesla ยังอ้างว่ามีไมโครโฟนที่ทรงพลังกว่าเพื่อปรับปรุงคุณภาพการโทร

การส่งมอบโมเดล 3 ที่อัปเดตจะเริ่มในช่วงปลายเดือนตุลาคมในยุโรปและตะวันออกกลาง เราคาดว่า Tesla จะประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับโมเดลอเมริกาเหนือและการวางจำหน่ายเร็วๆ นี้

รายงานหลายฉบับระบุว่าการผลิต Model 3 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่กำลังดำเนินการอยู่ที่ Gigafactory Shanghai ซึ่งเป็นผู้ผลิต Tesla EV รายใหญ่ที่สุด และเป็นศูนย์กลางการส่งออกทั่วโลก เวอร์ชันอเมริกาเหนือน่าจะผลิตในสหรัฐฯ ที่โรงงานของแบรนด์ Fremont ในแคลิฟอร์เนีย

  • Shanghai Gigafactory ของ Tesla เป็นหนึ่งในโรงงานผลิตที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในโลกของ Tesla สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Tesla ได้หลายแสนคันทุกปี รวมถึง Model 3 ด้วย

 

insideev

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้