Advertisement

Advertisement

โดนจับ เพราะหลับ ขณะเปิด ขับขี่อัตโนมัติ Auto Pilot ความเร็ว 150 กม./ชม. ใน Tesla Model S

โดนจับ เพราะหลับ ขณะเปิด ขับขี่อัตโนมัติ Auto Pilot ความเร็ว 150 กม./ชม. ใน Tesla Model S
Spread the love

Advertisement

Advertisement

เหตุการณ์เกิดขึ้น 20 พฤศจิกายน 2020 หรือปีที่แล้ว Leran Cai ชายหนุ่มอายุ 20 ปีได้ถูกยื่นฟ้องจากตำรวจในประเทศแคนาดาหลังจากที่เขาเปิดระบบ Auto Pilot ให้รถยนต์วิ่งไปเอง

เขาหลับ และไม่สนใจสิ่งรอบข้างเหตุการณ์นี้ถูกเปิดเผยว่ารถคันดังกล่าวเป็น Tesla Model S เปิด Auto Pilot ความเร็ว 150 กม./ชม.

ผู้ขับนั่งหลับในรถ บนถนนทางหลวงแห่งหนึ่ง ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้เสริมว่าเมื่อได้ทราบเรื่องก็ติดตามรถยนต์คันดังกล่าวทันที เพื่อให้จอด ขณะความเร็ว 150 กม./ชม.

Kyle Lee ทนายความชาวแคนาดาได้กล่าวว่าคดีดังกล่าวนี้น่าจะเป็นคดีแรกที่เกิดขึ้นในแคนาดาเพราะการที่คนจะไว้ใจระบบออโต้ไพลอตถึงขนาดหลับบนรถนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

คนขับโดนคดีข้อหาขับขี่เร็วเกินกำหนดและขับขี่โดยความประมาททำให้เกิดอันตราย โดยได้มีการพิจารณาคดีในวันที่ 29 มกราคม 2021 ที่ผ่านมา

Tesla Model S เป็นรถยนต์ซีดานไลฟ์แบคห้าประตูไฟฟ้าเต็มรูปแบบ แบตลิเธียม-ไอออน 85 กิโลวัตต์/ชม. วิ่งไกลกว่า 480 กม. ต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง มีคุณลักษณะที่เรียกว่า Autopilot ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงที่ช่วยให้รถทำงานได้โดยไม่ต้องมีคนช่วย

อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่ต้องดูแลอย่างต่อเนื่องและควบคุมหากมีปัญหา Autopilot 2.0 ที่เปิดตัวในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 ยังรวมถึง “Enhanced Summon” ซึ่งช่วยให้รถสามารถนำทางผ่านที่จอดรถไปยังเจ้าของได้โดยไม่ต้องมีใครอยู่ที่ที่นั่งคนขับ

ระบบ Autopilot ประกอบด้วยการทำงาน Traffic-Aware Cruise Control ซึ่งควบคุมความเร็วของรถตามลักษณะของการจราจรโดยรอบ และ Autosteer ซึ่งช่วยควบคุมรถในเลนที่มีเส้นแบ่งชัดเจนและทำงานร่วมกับ Traffic-Aware Cruise Control หรือพูดง่ายๆ ก็คือ Autopilot ของ Tesla จะควบคุมความเร็วของรถตามสภาพการจราจรพร้อมกับควบคุมให้รถอยู่ในเลน

Autopilot มี 4 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ 1 ต้องมีคนขับเพื่อควบคุมระบบ ระบบแจ้งเตือนรถออกนอกเลน หรือ Lane-keep Assist ระบบจะเน้นการควบคุมและช่วย โดยใช้การประมวลผลงาน กล้อง หรือ เซนเซอร์
  • ระดับ 2 ระบบจะควบคุมรถได้เอง แต่เรายังต้องนั่งอยู่ด้านหลังของพวงมาลัย เพื่อคอยระวังเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
  • ระดับ 3 ระดับเริ่มต้นของ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ผู้ขับขี่มีหน้าที่แค่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย ระบบจะทำหน้าที่จัดการทั้งหมด
  • ระดับ 4 ระดับนี้ค่ายรถหลายคันกำลังพัฒนา เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ เช่น แท็กที่ไร้คนขับ หรือรถที่วิ่งได้เองโดยที่ไม่ต้องมีพวงมาลัย คันเร่ง และเบรค

Globalnews.ca

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้