Advertisement

Advertisement

TESLA กลายเป็นบริษัทรยานยนต์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลก 47.9 ล้านล้านบาท กินส่วนแบ่ง 48.3%

TESLA กลายเป็นบริษัทรยานยนต์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลก 47.9 ล้านล้านบาท กินส่วนแบ่ง 48.3%
Spread the love

Advertisement

Advertisement
30 บริษัทผู้ผลิตยานยนต์ที่มีมูลค่ามากสุดในโลก ข้อมูล 13 ธันวาคม 2024
  1. Tesla: มูลค่าตลาด 47.9 ล้านล้านบาท (สหรัฐฯ), ส่วนแบ่ง 48.3%
  2. Toyota: มูลค่าตลาด 7.90 ล้านล้านบาท (ญี่ปุ่น), ส่วนแบ่ง 8.0%
  3. BYD: มูลค่าตลาด 3.66 ล้านล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 3.7%
  4. Xiaomi: มูลค่าตลาด 3.55 ล้านล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 3.4%
  5. Ferrari: มูลค่าตลาด 2.77 ล้านล้านบาท (อิตาลี), ส่วนแบ่ง 2.8%
  6. Mercedes-Benz: มูลค่าตลาด 2.15 ล้านล้านบาท (เยอรมนี), ส่วนแบ่ง 2.2%
  7. Porsche: มูลค่าตลาด 1.99 ล้านล้านบาท (เยอรมนี), ส่วนแบ่ง 2.0%
  8. General Motors: มูลค่าตลาด 1.99 ล้านล้านบาท (สหรัฐฯ), ส่วนแบ่ง 2.0%
  9. BMW: มูลค่าตลาด 1.75 ล้านล้านบาท (เยอรมนี), ส่วนแบ่ง 1.8%
  10. Volkswagen: มูลค่าตลาด 1.64 ล้านล้านบาท (เยอรมนี), ส่วนแบ่ง 1.7%
  11. Mahindra & Mahindra: มูลค่าตลาด 1.51 ล้านล้านบาท (อินเดีย), ส่วนแบ่ง 1.5%
  12. Maruti Suzuki India: มูลค่าตลาด 1.44 ล้านล้านบาท (อินเดีย), ส่วนแบ่ง 1.5%
  13. Ford: มูลค่าตลาด 1.40 ล้านล้านบาท (สหรัฐฯ), ส่วนแบ่ง 1.4%
  14. Stellantis: มูลค่าตลาด 1.40 ล้านล้านบาท (เนเธอร์แลนด์), ส่วนแบ่ง 1.4%
  15. Honda: มูลค่าตลาด 1.37 ล้านล้านบาท (ญี่ปุ่น), ส่วนแบ่ง 1.4%
  16. Hyundai: มูลค่าตลาด 1.27 ล้านล้านบาท (เกาหลีใต้), ส่วนแบ่ง 1.3%
  17. Tata Motors: มูลค่าตลาด 1.20 ล้านล้านบาท (อินเดีย), ส่วนแบ่ง 1.2%
  18. SAIC Motor: มูลค่าตลาด 1.03 ล้านล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 1.0%
  19. Kia: มูลค่าตลาด 923,940 ล้านบาท (เกาหลีใต้), ส่วนแบ่ง 0.9%
  20. Seres Group: มูลค่าตลาด 923,940 ล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 0.9%
  21. Great Wall Motors: มูลค่าตลาด 923,940 ล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 0.9%
  22. Li Auto: มูลค่าตลาด 786,860 ล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 0.8%
  23. Suzuki Motor: มูลค่าตลาด 786,860 ล้านบาท (ญี่ปุ่น), ส่วนแบ่ง 0.8%
  24. Geely: มูลค่าตลาด 684,400ล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 0.7%
  25. Chongqing Changan: มูลค่าตลาด 581,940 ล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 0.6%
  26. Rivian: มูลค่าตลาด 581,940ล้านบาท (สหรัฐฯ), ส่วนแบ่ง 0.6%
  27. GAC (Guangzhou Auto): มูลค่าตลาด 478,580ล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 0.5%
  28. Renault: มูลค่าตลาด 478,580 ล้านบาท (ฝรั่งเศส), ส่วนแบ่ง 0.5%
  29. Subaru: มูลค่าตลาด 410,640ล้านบาท (ญี่ปุ่น), ส่วนแบ่ง 0.4%
  30. XPeng: มูลค่าตลาด 410,640 ล้านบาท (จีน), ส่วนแบ่ง 0.4%

อื่นๆ: มูลค่าตลาดรวม 4.72 ล้านล้านบาท, ส่วนแบ่ง 5.6%

รวมทั้งหมด: มูลค่าตลาด 99.31 ล้านล้านบาท, ส่วนแบ่ง 100.0%

ปัจจุบันมูลค่าของเทสลาทะยานสู่มูลค่าตลาด 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หลังชัยชนะของทรัมป์ในปี 2024 Tesla สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งเมื่อมูลค่าตลาด (Market Cap) ทะยานขึ้นสู่ระดับ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ส่งผลให้ Tesla กลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ณ วันที่ 18 ธันวาคม 2024

จากข้อมูลของ CompaniesMarketCap.com พบว่า Tesla นำหน้าคู่แข่งอย่าง Toyota ($231 พันล้าน), BYD ($107 พันล้าน), Xiaomi ($98 พันล้าน) และ Ferrari ($81 พันล้าน) อย่างขาดลอย

ความสัมพันธ์ระหว่าง Elon Musk และทรัมป์

นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่าง Elon Musk และโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ Musk ในรัฐบาล จะเป็นตัวเร่งให้ Tesla เติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ นโยบายลดภาษีสำหรับบริษัทของทรัมป์ ยังเป็นปัจจัยเสริมที่นักลงทุนคาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้ผลิตในสหรัฐฯ อย่าง Tesla

เทคโนโลยีและความคาดหวังในการเติบโต

ราคาหุ้นของ Tesla พุ่งขึ้นส่วนหนึ่งเพราะความคาดหวังต่อเทคโนโลยี Robotaxi และระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Full Self-Driving: FSD) ที่นักลงทุนเชื่อว่าจะสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต ในปีนี้ ราคาหุ้น Tesla เพิ่มขึ้นแล้วถึง 57%

ความแตกต่างระหว่างมูลค่าและจำนวนการผลิต

แม้ Tesla จะครองมูลค่าตลาดสูงสุด แต่จำนวนการผลิตรถยนต์ยังห่างไกลจากคู่แข่ง โดยในปี 2023 Tesla ขายรถยนต์ได้ 1.8 ล้านคัน ขณะที่ Toyota ขายได้ถึง 11.2 ล้านคันในช่วงเวลาเดียวกัน

ความมั่งคั่งของ Elon Musk

ความสำเร็จของ Tesla ยังส่งผลให้ Elon Musk ยังคงครองตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยในเดือนธันวาคม 2024 ความมั่งคั่งของ Musk พุ่งไปที่ 462 พันล้านดอลลาร์ ทิ้งห่าง Jeff Bezos ซึ่งอยู่อันดับสองด้วยทรัพย์สิน 243 พันล้านดอลลาร์

มุมมองอนาคต

Tesla ยังคงเผชิญความท้าทายในการพิสูจน์ความสามารถในการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังการผลิต พัฒนาระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ และรักษาความได้เปรียบในตลาด EV ขณะที่คู่แข่งรายอื่นเริ่มเร่งพัฒนาตัวเอง การที่ Tesla สามารถรักษามูลค่าตลาดในระดับนี้ในระยะยาวได้หรือไม่นั้น จะเป็นคำถามสำคัญที่นักลงทุนและอุตสาหกรรมจับตามอง

visualcapitalist

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้