Advertisement

Advertisement

ไทยหนุน เพิ่ม เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 12,000 เครื่อง ไม่เกิน 10 ปี

ไทยหนุน เพิ่ม เครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 12,000 เครื่อง ไม่เกิน 10 ปี
Spread the love

Advertisement

Advertisement

“บอร์ดอีวี” เตรียมเพิ่มหัวชาร์จเร็ว DC กระแสตรงกว่า 12,000 หัวจ่าย ครอบคลุมทั่วประเทศไทย หลังมีข่าวรัฐบาลลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากทุกประเทศเป็น 0%

  • การชาร์จแบบเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง (DC Charging) สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า จาก 0% – 80% ได้ในเวลาประมาณ 40-60 นาที (ขึ้นอยู่กับความจุพลังงานแบตเตอรี่ กิโลวัตต์-ชั่วโมง)

ปัจจุบันปี 2564 มีหัวชาร์จ DC ในไทยเพียง 1,000 หัวจ่าย (สถานีชาร์จ AC 1,511 หัวจ่าย) ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และ ครอบคลุมรถยนต์ไฟฟ้า ในอนาคต ด้วยนโยบายของรัฐที่หนุนนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 0% รวมถึงมีข่าว เตรียมหนุนช่วยจ่าย 20% สำหรับคนที่ออกรถยนต์ไฟฟ้า (ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดือนธันวาคม 2021)

ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กำหนดอัตราค่าไฟสำหรับชาร์จรถยนต์ ภายใต้เงื่อนไขการบริหารจัดการแบบ Low Priority ที่ 2.6369 บาทต่อหน่วย เพื่อเป็นการจูงใจ ผู้ประกอบการ และ ลงทุนในการขยายสถานีชาร์จ มากขึ้น

รัฐบาลได้กำหนดมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการกำหนดมาตรการของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อสนับสนุน และ ส่งเสริม การใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ แต่ยังไม่ได้ดำเนินการจริงๆ อย่าง หนุนเงินสำหรับผู้ซื้อ ยกเว้นค่าทางด่วนสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งหมดล้วนกำลังพิจารณา

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เตรียมที่จะเสนอชุดมาตรการเพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือน ธ.ค. 2021 เพื่อพลักดันนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

นโยบายดังกล่าวจะแบ่งเป็น 2 แบบได้แก่

1.การลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศ

2.การตั้งกองทุนเพื่ออุดหนุนราคาให้กับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าบางส่วน 

หากเป็นเช่นนั้น จะได้เงินหนุนจากรัฐ 20% ทำให้ผู้ออกรถยนต์ไฟฟ้า จะได้รถในราคาที่ต่ำลงเช่น รถยนต์ราคา 1 ล้านบาท แต่เราจ่ายเพียง 8 แสนบาท คล้ายๆนโยบายรถคันแรก

  • นั้นแสดงว่า เราจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ราคาใกล้เคียงกับรถยนต์น้ำมัน พร้อมแพคเก็จอื่นๆ อีกมากมาย

นอกจากนี้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ร่วมมือกับภาคเอกชนผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และเพิ่มสถานีชาร์จโดยปัจจุบันมีแล้ว 2,000 แห่ง และมีเป้าหมายจะเพิ่มเป็น 12,000 แห่ง ในเวลาไม่เกิน 10 ปี นับจากนี้ ส่วนประชาชนที่ต้องการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านติดต่อขอรับเงื่อนไขการใช้ไฟได้

ลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าให้ถูกลง

ประเทศไทย เตรียมเสริมมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ปี 2565 เล็งลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าให้ถูกลง หนุนยอดผลิต EV 30% ภายในปี 2568

คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ประเทศไทย เตรียมผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าในไทย พร้อมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในปี 2578

และ ในปี 2573 ต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง 50% ของรถยนต์ในประเทศ ในปี 2568 ต้องมียอดรถยนต์ไฟฟ้าสะสม 1.05 ล้านคัน หรือ 30% ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ

ปัจจุบันการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโดนภาษี 20-80% ตามลำดับ สำหรับรถยนต์ยุโรป และ ญี่ปุ่น แต่ในปีหน้า เราจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ายุโรปถูกลงด้วยภาษี 0% คล้ายๆจีน

  • EV จีนได้ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA จีน-อาเซียน ที่กระทรวงพาณิชย์ไปทำไว้ อาจจะไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน และไม่สนับสนุนให้เกิดการผลิตในประเทศ โดยรถ EV ทั้งคันจากจีนสามารถนำเข้ามาขายได้ในราคาที่ต่ำ ขณะที่การนำเข้าแบตเตอรี่อย่างเดียวยังเสียภาษีในอัตราที่สูง

กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอย่างกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ยื่นแผนปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตอีวี (EV) ให้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน พิจารณาเรียบร้อย รอเพียงการประกาศอย่างเป็นทางการ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

มาตรการส่งเสริมซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 จะทำให้ราคารถยนต์นำเข้าที่นำมาขายในประเทศไทยมีราคาที่ถูกลงมาก จนสามารถจูงใจให้คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ซึ่งเมื่อเกิดความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ก็จะจูงใจให้เกิดการลงทุนก่อสร้างสถานีชาร์จมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทย บรรลุเป้าหมายภายในปี 2573 จะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

สำหรับรายละเอียดของมาตรการส่งเสริมจะมีการประกาศในเร็วๆนี้ โดยจะเป็นแพ็คเกจ มีทั้งมาตรการภาษีและไม่ใช่มาตรการภาษี ที่อาจนำมาใช้สนับสนุน เช่น การลดภาษีรถยนต์ประจำปี,การลดราคาค่าทางด่วน หรือการสนับสนุนที่จดรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น 

สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิต ภาษียานยนต์ไฟฟ้า 2 รูปแบบ คือ

1.เครื่องยนต์ไฮบริด หากเป็นรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3,000 ซีซี เสียภาษี 8% แต่จะเสียเพียง 4% จนถึงปี 2568 และหากเครื่องยนต์มากกว่า 3,000 ซีซี จะเสียภาษี 16-26% ตามปริมาณการปล่อยคาร์บอน ไดออกไซด์ แต่ระหว่างนี้จนถึงปี 2568 กรมสรรพาสามิตลดาภาษีให้ 50% และ

2.BEV หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100% เสียภาษี 8% แต่เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า กรรมสรรพสามิตจึงให้แรงจูงใจ โดยลดลงภาษีออกเป็น 2 ระดับ คือในปี 2561-2565 เสีย 0% จาก 2% และ ปี 2566-2568 เสีย 2% 

ทั้งนี้ ปริมาณการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ 2,133 คัน หดตัวลงเล็กน้อย จากปี 2563 ที่นำเข้าจำนวน 2,177 คัน โดยยอดนำเข้าในปี 2564 เป็นการนำเข้าจากจีนในสัดส่วน 54% ลดลงจากปี 2563 ที่นำเข้าจากจีน 91% เนื่องจาก มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากเยอรมันเป็นสัดส่วน 20% อังกฤษ 10% และสหรัฐอเมริกาอีก 10%

Bangkokbiznews.com

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้