เผยราคาเริ่ม 1.38 ล้านบาท ในสหรัฐฯ TOYOTA 4RUNNER i-FORCE 2.4 ลิตร 270 แรงม้า พร้อม i-FORCE MAX ไฮบริด 326 แรงม้า
TOYOTA 4RUNNER หรืออีกร่างของ TACOMA ในเวอร์ชั่น SUV เจนเนอเรชั่นที่ 6 ใหม่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในสหรัฐอเมริกา เตรียมออกสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2025 พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์สี่สูบเทอร์โบชาร์จใหม่ 2 เครื่อง รวมถึง i-Force พื้นฐานและ i-Force MAX แบบไฮบริด
- สามารถคาดหวังได้ว่า4Runner ปี 2025 จะวางจำหน่ายที่ตัวแทนจำหน่ายในเดือนมกราคม2025 ราคาขายปลีกที่แนะนำของผู้ผลิต (MSRP) เริ่มต้นที่ 40,770 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1.38 ล้านบาท
- ใหม่สำหรับ 4Runner รุ่น ที่ 6 คือระบบส่งกำลังไฮบริด i-FORCE MAX 2.4 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น TRD Pro ซึ่งเป็น Trailhunter และ Platinum รุ่นแรก และมีให้เลือกในรุ่น TRD Off-Road, TRD Off-Road Premium และ Limited ส่วนเครื่องยนต์ i-FORCE 4 สูบเทอร์โบ 2.4 ลิตรเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น SR5, TRD Sport และ TRD Sport Premium และ TRD Sport Premium โดยมีให้เลือกในรุ่น TRD Off-Road, TRD Off-Road Premium และ Limited
หลังจากผ่านไปหนึ่งทศวรรษครึ่งในที่สุด Toyota 4Runner เจนเนอเรชั่นที่ 5 ก็ยอมเปิดทางให้มีการปรับโฉมครั้งใหม่ล่าสุดสำหรับเจนที่ 6 โดยเลิกใช้เครื่องยนต์ V6 แต่ได้เพิ่มเครื่องยนต์ 4 สูบใหม่ 2 ตัว ซึ่งใช้ใน TOYOTA TACOMA ใหม่ ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์ตกแต่งใหม่ 2 แบบที่เรียกว่า Trailhunter และ Platinum
TOYOTA 4RUNNER ได้กลิ่นอายของ TACOMA เจเนอเรชั่นใหม่อย่างมาก ความคล้ายคลึงนี้ขยายไปถึงการออกแบบทั้งภายในและภายนอก ในการพัฒนาโมเดลร่วมกับนักออกแบบของ Tacoma โดยที่เกือบทุกอย่างที่อยู่ด้านหน้าเสา B จะใช้ร่วมกันระหว่างทั้งสอง ทั้งสองกลุ่มทำงานร่วมกันเพื่อออกแบบ SUV ใหม่
4Runner ใหม่สัญญาว่าจะมีความสามารถมากยิ่งขึ้น โหมด Mud, Dirt และ Sand และฟังก์ชันระบบควบคุม่ที่เงียบมากขึึ้น ชุดตกแต่ง Trailhunter ใหม่ (ยืมมาจาก Tacoma) นอกจากนี้จะมีให้เลือก 9 รุ่นได้แก่ ได้แก่ SR5 (i-Force), TRD Sport (i-Force), TRD Sport Premium (i-Force), Limited (i-Force และ i-Force MAX), TRD Pro (i-Force MAX), TRD Off -Road (i-Force และ i-Force MAX), TRD Off-Road Premium (i-Force และ i-Force MAX), Trailhunter (i-Force MAX) และ Platinum (i-Force MAX)
4Runner Trailhunter มียางออฟโรดขนาด 33 นิ้ว ซึ่งเพิ่มความสูงในการขับขี่ขึ้น 2.0 นิ้วที่ด้านหน้าและ 1.5 นิ้วที่ด้านหลัง Old Man Emu ขนาด 2 นิ้ว ARB กระจายอยู่ตามมุมของระบบกันสะเทือน นอกจากนี้ยังมีแร็คหลังคาที่ออกแบบโดย ARB ช่องดักอากาศที่ติดตั้งไว้สูงสำหรับระบบส่งกำลัง I-Force Max (อุปกรณ์มาตรฐานใน Trailhunter) แถบไฟขนาด 20 นิ้ว และแผ่นกันกระแทกที่ทำจากเหล็ก กระจังหน้าแบบดั้งเดิมของ Toyota พร้อมเครื่องหมายคำว่า “TOYOTA” สีบรอนซ์
TRD Pro ยังเป็นเกรดพิเศษของ i-FORCE MAX และมาพร้อมคุณสมบัติมาตรฐานเพิ่มเติม เช่น โช้กอัพ TRD-Tuned FOX® QS3 แบบปรับได้พร้อมถังเก็บลมด้านหลังแบบควบคุมระยะไกล ช่องรับอากาศสมรรถนะ TRD และยาง Toyo® ขนาด 33 นิ้วพร้อมล้ออัลลอยด์สีดำขนาด 18 นิ้ว
- TRD Pro มาพร้อมกับโช้คอัพแบบบายพาสภายใน FOX® QS3 ที่ปรับแต่งโดย TRD พร้อมถังเก็บน้ำมันแบบควบคุมระยะไกลเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดความเร็วสูงที่ดีขึ้น Trailhunter มาพร้อมกับโช้คอัพแบบท่อเดียว Old Man Emu® (OME) ที่ขึ้นรูปด้วยความร้อนพร้อมถังเก็บน้ำมันแบบควบคุมระยะไกลที่ได้รับการปรับแต่งมาเพื่อการควบคุมออฟโรดและความสามารถในการรับน้ำหนักที่เหมาะสมที่สุด
- พิ่มช่วงล่างปรับแต่งแบบ Sport เป็นมาตรฐาน, ล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว, ช่องดักอากาศบนฝากระโปรงสีดำเงา, ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ, แผงมาตรวัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว และเครื่องชาร์จไร้สาย Qi
- เกรด TRD Sport Premium พัฒนาต่อยอดจาก TRD Sport และเพิ่มเบาะนั่งปรับไฟฟ้าแบบ SofTex หน้าจอสัมผัสมัลติมีเดียเสียงขนาดใหญ่ 14 นิ้วพร้อมระบบเสียงพรีเมียมจาก JBL ลำโพงแบบพกพา JBL FLEX จอแสดงภาพแบบพาโนรามา ประตูท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ TRD และพวงมาลัยแบบปรับอุ่น
- TRD Off-Road นำเสนอคุณลักษณะที่คล้ายกับ TRD Sport แต่เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการป้องกันใต้ตัวถัง ล้อขนาด 18 นิ้ว ยางทุกสภาพพื้นผิวขนาด 33 นิ้ว โช้ก Bilstein® และ Multi Terrain Select พร้อมระบบควบคุมการเคลื่อนตัว
- TRD Off-Road Premium พัฒนาต่อยอดจาก TRD Off-Road และเพิ่มจอภาพ Multi-Terrain Monitor, เบาะนั่งปรับไฟฟ้าแบบ SofTex, จอสัมผัสมัลติมีเดียเสียงขนาด 14 นิ้วพร้อมระบบเสียง JBL Premium, ลำโพงแบบพกพา JBL FLEX, ประตูท้ายไฟฟ้าแบบแฮนด์ฟรี, ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ TRD และพวงมาลัยแบบปรับอุ่น
เกรด Limited ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่หรูหราขึ้นด้วยเบาะนั่งด้านหน้าที่หุ้มด้วยหนังพร้อมระบบปรับความอุ่นและระบายอากาศ รวมถึงบันไดข้างปรับไฟฟ้าที่ยืดออกได้ หน้าจอสัมผัสขนาด 14 นิ้ว ระบบเสียง JBL® Premium Audio พร้อมลำโพงแบบพกพา JBL® FLEX กระจกมองหลังแบบดิจิทัล และมูนรูฟแบบปรับไฟฟ้า
- เกรด Limited และ Platinum มาพร้อมกับช่วงล่างแบบแปรผันปรับได้ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับสภาพถนนเพื่อช่วยให้ 4Runner ขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลและหรูหรา
Toyota 4Runner ปี 2025 มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 8.0 นิ้วและแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 7.0 นิ้วเป็นมาตรฐาน แต่มีหน้าจอสัมผัสขนาด 14.0 นิ้วพร้อมแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้วในเกรดที่สูงกว่า ที่มีการเชื่อมต่อไร้สาย Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการชารืจแบบไร้สาย ช่องเสียบทั้ง USB-A และ USB-C กระจกประตูท้ายแบบไฟฟ้า ที่เก็บของเบาะนั่งแถวที่ 2 เบาะนั่งแถวที่ 2 แบบพับได้
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4,950 มม.
- กว้าง 1,976 มม.
- สูง 1,798 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,849 มม.
- ระยะห่างจากพื้น 233 มม.
- การลากจูง 2,721 กก.
เครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ
- เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ i-FORCE 2.4 ลิตร 4 สูบ ให้กำลัง 278 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 317 นิวตัน-เมตร เกียร์ธรรมดา 6 สปีด สามารถอัพเกรดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีต จะเพิ่มกำลังสูงสุด 278 แรงม้า แรงบิด 430 นิวตัน-เมตร ระบบขับเคลื่อนล้อหลังมาตรฐาน
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบไฮบริด i-Force MAX D-4S 4 สูบ 2.4 ลิตร เทอร์โบ i-FORCE MAX 16 วาล์ว พร้อม Dual Variable Valve Timing พร้อมระบบอัจฉริยะ
- ให้กำลัง 326 แรงม้า
- แรงบิด 630 นิวตัน-เมตร
- ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8AT
- แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (Ni-MH) ปิดผนึก 288V ความจุ 1.87 kWh
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time พร้อม Active Traction Control (A-TRAC) และ Torsen®*เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปพร้อมระบบล็อค
4Runner มีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ แบบขับเคลื่อน 4 ล้อบางส่วน และแบบขับเคลื่อน 4 ล้อเต็มเวลา โดยรุ่น i-FORCE MAX ทั้งหมดมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อมาตรฐานที่พร้อมสำหรับการขับขี่บนถนนหรือเส้นทางวิบาก ส่วนรุ่น Limited และ Platinum มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเต็มเวลาพร้อมเฟืองท้ายแบบล็อกอิเล็กทรอนิกส์
ระบบช่วงล่าง
- ระบบกันสะเทือนหน้าปีกนกสองชั้นที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมโช๊คอัพแบบท่อคู่
- ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์พร้อมคอยล์สปริง
- ดิสก์เบรกขนาด 17 นิ้ว (432 มม.)
- อุปกรณ์พ่วงมาตรฐานที่ช่วยให้รถลากจูงได้สูงสุด 2,722 กก.
- พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า
- ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS)
- ติดตั้งเทคโนโลยี SDM หรือ Stabilizer with Disconnecting Mechanism ที่สามารถปลดการทำงานของเหล็กกันโคลง (Anti-roll bar) ผ่านปุ่มควบคุมภายในห้องโดยสาร
- ระบบปรับโหมดช่วงล่าง Multi-Terrain Select(MTS) 5 โหมด (MUD & SAND,LOOSEROCK, MOGUL, ROCK & DIRTและ ROCK)
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0
- Pre-Collision System with Pedestrian Detection ระบบป้องกันการชนล่วงหน้าพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- Lane Departure Alert with Steering Assist ระบบเตือนการออกนอกเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว
- Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติเต็มพิกัดด้วยเรดาร์
- Lane Tracing Assist ระบบช่วยติดตามเลน
- Road Sign Assist ระบบจดจำป้ายจราจร
- Automatic High Beams ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
- Proactive Driving Assist ระบบจะการคาดการณ์ความเสี่ยงตามสถานการณ์การขับขี่
รุ่น LIMITED
รุ่น TRD SPORT