เพิ่มแบตฯ ปรับปรุงระบบขับเคลื่อน TOYOTA BZ4X คาดวิ่งได้ 573 กม./ชาร์จ WLTP ในยุโรป

สรุปก่อนอ่าน
- เพิ่มตัวเลือกแบตเตอรี่: 57.7 kWh และ 73.1 kWh เพื่อให้ลูกค้าเลือกตามงบประมาณและการใช้งาน
- ปรับปรุงระบบขับเคลื่อน:
- ขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) 167 – 224 แรงม้า hp
- ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) 343 แรงม้า hp พร้อมกำลังลากจูง 1,500 กก.
- เทคโนโลยีใหม่:
- ระบบปรับสภาพแบตเตอรี่ (Battery Pre-conditioning) ช่วยให้ชาร์จเร็วขึ้น
- ที่ชาร์จ AC 22 kW (รุ่น High Grade) รองรับการชาร์จที่เร็วขึ้น
- ระบบนำทาง BEV อัจฉริยะ แนะนำสถานีชาร์จตามแบตเตอรี่ที่เหลือ
- ดีไซน์ใหม่:
- ภายนอกโฉบเฉี่ยวขึ้น ปรับปรุงอากาศพลศาสตร์
- ภายในอัปเกรดคอนโซลกลางและแผงหน้าปัด พร้อมจอ 14 นิ้ว
- เปิดตัวในยุโรปหลังฤดูร้อนปี 2025
TOOYTA bZ4X รุ่นใหม่: การอัปเกรดครั้งใหญ่ เพิ่มขีดความสามารถและความสะดวกสบาย
- ขยายตัวเลือกแบตเตอรี่: ลูกค้าสามารถเลือกแบตเตอรี่ขนาด 57.7 kWh หรือ 73.1 kWh (ความจุรวม)
- เพิ่มระบบปรับสภาพแบตเตอรี่: ปรับอุณหภูมิแบตเตอรี่เพื่อให้การชาร์จมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ที่ชาร์จ AC แบบใหม่: รองรับกำลังไฟ 22 kW สำหรับการชาร์จเร็วขึ้น
- เพิ่มกำลังของระบบ eAxle: กำลังสูงสุด 343 DIN hp / 252 kW
- ดีไซน์ภายนอกใหม่: ปรับให้ดูโฉบเฉี่ยวยิ่งขึ้น
- ห้องโดยสารดีไซน์ใหม่: แผงคอนโซลกลางและหน้าปัดแบบใหม่ พร้อมหน้าจอมัลติมีเดีย 14 นิ้ว
- เปิดตัวหลังช่วงฤดูร้อนปี 2025
การปรับปรุงครั้งใหญ่ของ Toyota bZ4X
หลังจากเปิดตัวในปี 2022 เพื่อเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ของโตโยต้า bZ4X กำลังได้รับการอัปเกรดครั้งสำคัญ ทั้งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และความสะดวกสบาย โดยตั้งเป้าให้เป็นรถยนต์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้นในกลุ่ม SUV ไฟฟ้า
ปัจจุบัน bZ4X เป็นหนึ่งใน 5 รุ่นที่ขายดีที่สุดในกลุ่มรถ BEV ทั่วยุโรป และการเปลี่ยนแปลงใหม่นี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับตำแหน่งผู้นำของโตโยต้าในตลาด
bZ4X ถูกออกแบบให้เป็น SUV ที่แท้จริง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางขรุขระ โดยอาศัยเทคโนโลยีระบบส่งกำลังไฟฟ้าที่โตโยต้ามีความเชี่ยวชาญมายาวนาน นอกจากนี้ โตโยต้ายังให้ Battery Care Program ที่ครอบคลุมแบตเตอรี่ได้นานถึง 10 ปี หรือ 1 ล้านกิโลเมตร ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบสุขภาพแบตเตอรี่ประจำปี
เพิ่มกำลังขับเคลื่อนด้วยระบบ eAxle ที่ปรับปรุงใหม่
eAxle ได้รับการพัฒนาให้ใช้ เซมิคอนดักเตอร์ซิลิคอนคาร์ไบด์ (SIC) ที่ช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อน ทำให้ bZ4X รุ่นใหม่นี้เป็นหนึ่งในรถยนต์โตโยต้าที่ทรงพลังที่สุดในยุโรป (นอกเหนือจากรุ่นสมรรถนะสูงของ GR)
3 ตัวเลือกระบบขับเคลื่อน
- 57.7 kWh / 167 แรงม้า hp (123 kW) – ขับเคลื่อนล้อหน้า
- 73.1 kWh / 224 แรงม้า hp (165 kW) – ขับเคลื่อนล้อหน้า
- 73.1 kWh / 343 แรงม้า hp (252 kW) – ขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD)
ขยายตัวเลือกแบตเตอรี่ เพิ่มความยืดหยุ่นให้ลูกค้า
bZ4X ใหม่จะมาพร้อมตัวเลือกแบตเตอรี่ สองขนาด
- 57.7 kWh (เฉพาะรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า)
- 73.1 kWh (มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อนสี่ล้อ)
ระยะทางขับขี่สูงสุดตามมาตรฐาน WLTP คาดการณ์ไว้ที่ 573 กม. (รอการรับรองอย่างเป็นทางการ) ขึ้นอยู่กับรุ่นและระบบขับเคลื่อน (เดิมวิ่งได้สูงสุด 516 กม./ชาร์จ WLTP)
ความสามารถในการลากจูงของรุ่น AWD เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 กก. และมีตัวเลือก ที่ชาร์จ AC ขนาด 22 kW (สำหรับรุ่น High Grade) ขณะที่การชาร์จ DC Fast Charge ยังคงสูงสุดที่ 150 kW
ดีไซน์ใหม่และความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น
- ภายนอก: กระจังหน้าใหม่ ดีไซน์โฉบเฉี่ยวขึ้น พร้อมปรับปรุงหลักอากาศพลศาสตร์
- ภายใน: คอนโซลกลางใหม่ รองรับการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลได้สะดวกขึ้น และมีแผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่
- หน้าจอมัลติมีเดียขนาด 14 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
- ปรับปรุงช่วงล่างและตัวถัง: ลดเสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน เพิ่มความสบายขณะขับขี่
อัปเดตซอฟต์แวร์อัจฉริยะ
-
ฟังก์ชันปรับสภาพแบตเตอรี่ (Battery Pre-conditioning)
- ควบคุมอุณหภูมิแบตเตอรี่ก่อนชาร์จ เพื่อให้ชาร์จได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงสุด
- สามารถเปิดใช้งานได้ทั้งแบบ อัตโนมัติและแมนนวล
-
ระบบนำทาง BEV อัจฉริยะ
- คำนวณเส้นทางและเลือกสถานีชาร์จที่เหมาะสม ตามระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่
- ฟังก์ชันนี้มีให้ใช้งานแล้วใน bZ4X รุ่นปัจจุบันผ่านการอัปเดต OTA (Over-the-Air)
กำหนดการเปิดตัว
Toyota bZ4X รุ่นใหม่จะเปิดตัวในตลาดยุโรปหลังช่วงฤดูร้อนปี 2025
การอัปเกรดนี้จะทำให้ bZ4X แข็งแกร่งขึ้นทั้งด้านสมรรถนะ เทคโนโลยี และความสะดวกสบาย ตอกย้ำความเป็นผู้นำของโตโยต้าในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV)