ยอดขายเพิ่ม 413,099% ในสหรัฐฯ ปี 2024 TOYOTA Land Cruiser PRADO 250 รวม 29.113 คัน
สำหรับปี 2024 TOYOTA Land Cruiser PRADO 2024 ในสหรัฐฯ มียอดขาย 29,113 คัน (+413,099.4% เมื่อเทียบปีที่แล้ว) เฉพาะเดือนธันวาคม 2024 มียอดขาย 5,399 คัน สำหรับยอดขายรถยนต์ TOYOTA รุ่นอื่นๆ ตามลิงค์นี้
- ไม่แปลกใจหรอกในปี 2023 รุ่นนี้ขายได้เพียง 7 คัน ทำให้ตัวเลขเพิ่มจนน่าตกใจ
- Toyota ได้เปิดตัว Land Cruiser 250 Series ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนสิงหาคม 2024 โดยในตลาดสหรัฐฯ รถรุ่นนี้ถูกทำตลาดในชื่อ Toyota Land Cruiser โดยไม่มีคำว่า “Prado” ต่อท้าย เนื่องจากเข้ามาแทนที่ Land Cruiser 300 ที่ยุติการจำหน่ายไปในปี 2020
TOYOTA สหรัฐอเมริกา ประกาศราคาจำหน่าย Land Cruiser 2024 ขุมกำลัง เบนซินเทอร์โบไฮบริด i-Force 2.4 ลิตร 326 แรงม้า
- Land Cruiser 1958 ราคา 57,900$ หรือประมาณ 2.00 ล้านบาท
- Land Cruiser ราคา 63,900$ หรือประมาณ 2.22 ล้านบาท
- First Edition ราคา 74,950$ ยกเลิกจำหน่าย
PRADO 250 พัฒนาบน แพลตฟอร์ม GA-F เดียวกันกับ 300 Series ทำให้ 250 Series ใหม่มีการปรับปรุงสมรรถนะแบบออฟโรดอย่างมาก
- ความแข็งแกร่งของเฟรมเพิ่มขึ้นอย่างมากความแข็งแกร่งของเฟรมเพิ่มขึ้น 50% และความแข็งแกร่งโดยรวมเพิ่มขึ้น 30%
- ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบกันสะเทือนพื้นฐาน ปรับปรุงการประกบของล้อ เพิ่มความสามารถในการยึดเกาะพื้น
- พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS)
- Stabilizer Disconnect Mechanism (SDM) ใช้ครั้งแรกในรถโตโยต้า ฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยสวิตช์ที่ช่วยให้เปลี่ยนสถานะกันโคลงหน้าได้
- ปรับปรุงการขับขี่แบบออฟโรดของฟังก์ชั่น Multi-Terrain Monitor และ Multi-Terrain Select
การออกแบบภายนอก
- กระจังหน้าถูกปรับให้มีขนาดใหญ่ขึ้น เส้นสายดีไซน์ทรงเหลี่ยมที่เน้นความแข็งแกร่ง
- ตกแต่งด้วยโครเมียมหรือวัสดุสีดำด้าน (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
- โลโก้ TOYOTA แบบตัวหนังสือที่โดดเด่นตามเอกลักษณ์ใหม่
- ไฟหน้า LED ทรงเหลี่ยมที่ให้ความดุดันและเทคโนโลยีส่องสว่างที่ล้ำสมัย
- เสริมด้วยไฟ DRL (Daytime Running Light) ที่ออกแบบให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
- บังโคลนขนาดใหญ่เพิ่มความแกร่งและความพร้อมลุยในทุกสภาพถนน
- กันชนหน้าหลังเสริมด้วยพลาสติกแข็งและการออกแบบที่ช่วยป้องกันความเสียหาย
- ล้ออัลลอยด์ลายใหม่ มีขนาดตั้งแต่ 18-20 นิ้ว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
- ยางที่ออกแบบให้เหมาะกับทั้งทางเรียบและออฟโรด
- เส้นสายที่คมชัดให้ความรู้สึกแข็งแกร่ง
- กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว LED
- ราวหลังคาสำหรับติดตั้งอุปกรณ์เสริม
- หลังคาทรงเรียบเพื่อรองรับอุปกรณ์เสริม เช่น แร็คหรือกล่องสัมภาระ
- มีตัวเลือกหลังคาพาโนรามิกซันรูฟในบางรุ่น
- ไฟท้าย LED ดีไซน์ใหม่ที่ผสมผสานความทันสมัยและความแข็งแกร่ง
- เพิ่มมิติให้กับตัวรถด้วยการออกแบบที่เรียบหรูแต่โดดเด่น
ภายนอกมาพร้อม 7 สีให้เลือก Black, Ice Cap, Wind Chill Pearl, Underground, Meteor Shower, Trail Dust และ Heritage Blue นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเลือกสีภายนอกแบบทูโทนที่มีทั้งสี Trail Dust หรือสี Heritage Blue ที่จับคู่กับหลังคา Greyscape
ขนาดตัวถัง
- ยาว 4,925 มม.
- กว้าง 1,980 มม.
- สูง 1,870 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,850 มม.
- ระยะห่างจากพื้น 221 มม.
- มุมเข้าหา ออกตัว และหักมุม 30, 22 และ 25 องศาตามลำดับ
ภายในห้องโดยสารมาพร้อมเบาะนั่งคู่หน้าแบบ SoftTex แบบปรับความร้อนและระบายอากาศพร้อมระบบปรับไฟฟ้า เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทางระบบอินโฟเทนเมนท์ขนาดใหญ่ขึ้น 12.3 นิ้ว และระบบเสียงลำโพง 10 ตัว ระบบชาร์จมือถือแบบไร้สาย iQ พร้อมพอร์ตชาร์จ USB-C อินเวอร์เตอร์ AC 2400W ลูกค้าสามารถเพิ่ม เบาะหนังแบบอุ่นและระบายอากาศ หน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกหน้ารถ และระบบเสียงพรีเมียม JBL ลำโพง 14 ตัว แพ็คเกจนี้ยังรวมถึงกระจกมองหลังแบบดิจิตอลและมูนรูฟ
Series 250 สืบทอด DNA อันยาวนานของ Land Cruiser ให้มีชีวิตชีวาในยุคสมัยใหม่ สอดคล้องกับความคิดริเริ่มด้านความเป็นกลางทางคาร์บอนของ Toyota อกจากนี้ ยังมาพร้อมกับระบบส่งกำลังที่หลากหลาย รวมถึงระบบไฮบริดรุ่นแรกสำหรับ Land Cruiser สิ่งเหล่านี้ทำให้ได้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมที่คู่ควรกับ Land Cruiser
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบไฮบริด i-Force MAX D-4S 4 สูบ 2.4 ลิตร เทอร์โบ i-FORCE MAX 16 วาล์ว พร้อม Dual Variable Valve Timing พร้อมระบบอัจฉริยะ
- ให้กำลัง 326 แรงม้า
- แรงบิด 630 นิวตัน-เมตร
- ส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 8AT
- แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (Ni-MH) ปิดผนึก 288V ความจุ 1.87 kWh
- น้ำหนักลากสูงสุด 2,721 กก.
- ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full-Time พร้อม Active Traction Control (A-TRAC) และ Torsen®*เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปพร้อมระบบล็อค
- อัตราประหยัดโดยรวม 23 MPG หรือประมาณ 12.28 กม./ลิตร EPA
ระบบช่วงล่าง
- ระบบกันสะเทือนหน้าปีกนกสองชั้นที่พัฒนาขึ้นใหม่พร้อมโช๊คอัพแบบท่อคู่
- ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์พร้อมคอยล์สปริง
- ดิสก์เบรกขนาด 17 นิ้ว (432 มม.)
- อุปกรณ์พ่วงมาตรฐานที่ช่วยให้รถลากจูงได้สูงสุด 2,722 กก.
- พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า
- ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS)
- ติดตั้งเทคโนโลยี SDM หรือ Stabilizer with Disconnecting Mechanism ที่สามารถปลดการทำงานของเหล็กกันโคลง (Anti-roll bar) ผ่านปุ่มควบคุมภายในห้องโดยสาร
- ระบบปรับโหมดช่วงล่าง Multi-Terrain Select(MTS) 5 โหมด (MUD & SAND,LOOSEROCK, MOGUL, ROCK & DIRTและ ROCK)
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0
- Pre-Collision System with Pedestrian Detection ระบบป้องกันการชนล่วงหน้าพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- Lane Departure Alert with Steering Assist ระบบเตือนการออกนอกเลนพร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว
- Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติเต็มพิกัดด้วยเรดาร์
- Lane Tracing Assist ระบบช่วยติดตามเลน
- Road Sign Assist ระบบจดจำป้ายจราจร
- Automatic High Beams ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
- Proactive Driving Assist ระบบจะการคาดการณ์ความเสี่ยงตามสถานการณ์การขับขี่
Land Cruiser 1958 ราคา 57,900$ หรือประมาณ 1.89 ล้านบาท
- ไฟหน้าแบบ LED วงกลม
- เบาะหน้าพร้อมระบบทำความร้อน
- ระบบกุญแจอัจฉริยะ
- ระบบตรวจสอบจุดบอด
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- แผงหน้าปัดดิจิตอล 7 นิ้ว
- จอแสดงผลส่วนกลางขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย
- Torsen®*เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปพร้อมระบบล็อค
Land Cruiser ราคา 63,900$ หรือประมาณ 2.09 ล้านบาท
- ไฟหน้าแบบ LED ทรงสี่เหลี่ยม
- เบาะนั่งแบบ SoftTex หนังเทีย
- ม แผงหน้าปัด Full LCD ขนาด 12.3 นิ้ว
- ลำโพ 10 ตำแหน่ง
- ประตูท้ายไฟฟ้า
- ติดตั้งเทคโนโลยี SDM หรือ Stabilizer with Disconnecting Mechanism ที่สามารถปลดการทำงานของเหล็กกันโคลง (Anti-roll bar) ผ่านปุ่มควบคุมภายในห้องโดยสาร
- ระบบปรับโหมดช่วงล่าง Multi-Terrain Select (MTS) 5 โหมด (MUD & SAND,LOOSEROCK, MOGUL, ROCK & DIRTและ ROCK)
- กล้องบันทึกภาพด้านหน้า-หลัง MTM
แพ็คเกจพรีเมียม ตัวเลือกเพิ่มเติม
- เบาะหนังระบายอากาศ
- เครื่องเสียง JBL ลำโพง 14 ตัว
- กระจกมองข้างแบบดิจิตอล
- จอแสดงผลบรกระจกหน้า
- หลังคามูนรูฟไฟฟ้า
- กล่องเก็บความเย็นที่คอนโซลกลาง
ภาพร่างการออกแบบของ Land Cruiser “250”
เปิดตัว All-NEW LEXUS GX 2024 3.4Twin Turbo V6 ให้กำลัง 349 แรงม้า พร้อมการอัพเกรดออฟโรด