ทดสอบวิ่ง TOYOTA RAV4 HYBRID / PHEV ก่อนเปิดตัวปีหน้าในสหรัฐฯ * ภาพในจินตนาการ
เครดิตภาพ cochespias
TOYOTA RAV4 ใหม่ได้รับการทดสอบวิ่งในอเมริกาเหนือ ก่อนการเปิดตัวในปีหน้า ขณะทดสอบยืนยันว่ารูปลักษณ์โดยเฉพาะส่วนหน้าของ RAV4 เปลี่ยนไปอย่างมาก รถรุ่นนี้มีการออกแบบที่คล้ายคลึงกับรุ่นปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงช่องเปิดล้อ มือจับประตู และรูปทรงของประตูส่วนล่าง แต่มีรูปลักษณ์ที่ตั้งตรงมากขึ้น และส่วนหน้าใหม่ที่มีการออกแบบสไตล์ ‘หัวค้อน’ ใหม่ล่าสุดของโตโยต้า ซึ่งจะคล้ายๆของ PRIUS และ CAMRY ใหม่
ตามที่คาดไว้ RAV4 ใหม่ดูเหมือนว่าจะเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ของรุ่นปัจจุบัน โดยมีตัวถังใหม่บนส่วนประกอบที่คุ้นเคย แทนที่จะเป็นรถใหม่หมด มีแนวโน้นมว่าไฟหน้าจะเป็นรูปตัว C แบบรุ่นอื่นๆที่เคยเปิดตัว ยังไม่ชัดเจนว่าภายใน RAV4 จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แต่มีแนวโน้มว่าจะมีหน้าจอขนาด 12.3 นิ้วสองจอจากรุ่นล่าสุดของ Toyota รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการออกแบบโดยทั่วไปทั่วทั้งห้องโดยสาร
สำหรับแพลตฟอร์มยังคงใช้แบบเดิม TNGA-K ซึ่งอยู่ภายใต้รุ่นขายดีที่สุดของ Toyota จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เนื่องจากรุ่นปัจจุบันเป็นรุ่นขายดีอยู่แล้ว แต่เราคาดหวังว่าแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริดจะเพิ่มมากขึ้น
ก่อนหน้านี้ โตโยต้า ต้องการสร้างรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดที่สามารถวิ่งได้กว่า 200 กม.สำหรับออสเตรเลีย การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือตัวถังใหม่ เราคิดว่านี่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างมาก หากเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
Sean Hanley รองประธานฝ่ายขายและการตลาดของ Toyota Australia ยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบ Plug-in Hybrid (PHEV) จำเป็นต้องเหมาะสมสำหรับผู้ซื้อชาวออสเตรเลียในแง่ของต้นทุน “แต่โดยหลักการแล้ว ณ จุดหนึ่ง คุณคงจะชอบรถที่วิ่งได้ 200 กม. ในโหมดไฟฟ้า ด้วยตัวมันเอง นั่นคงจะเหมาะมาก” เขากล่าว
- ปัจจุบัน RAV4 สามารถจำหน่ายในออสเตรเลียเดือนกันยายน 2024 กว่า 5,183 คัน เป็นรถยนต์ที่ขายดีสุดของโตโยต้าในออสเตรเลีย
- นอกจากนี้ในสหรัฐฯ ระหว่าง มกราคม – กันยายน 2024 : มียอดขายกว่า 350,331 คัน เป็นรถยนต์ของโตโยต้าที่ขายดีสุดในสหรัฐฯ
- ส่วนรุ่นปลั๊กอินไฮบริดมียอดขายระหว่างมกราคม – กันยายน 2024 : 24,580 คัน (HYBRID : 152,328 คัน)
ปัจจุบัน TOYOTA ในนำเสนอ RAV4 PHEV Prime ในต่างประเทศด้วยระยะทาง EV ประมาณ 67 กม. พร้อมด้วยPrius Prime (71 กม.) และ ปลั๊กอินไฮบริด C-HR ใหม่ (66 กม.)
โตโยต้าจะเสนอ PHEV ในออสเตรเลียเมื่อใด “ไม่ใช่ตอนนี้ แต่จะเป็นระหว่างตอนนี้ถึงปี 2030 อย่างแน่นอน มันจะกลายเป็นส่วนที่ต้องการในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของเรา” นายแฮนลีย์กล่าว “ะคุณก็รู้ เราไม่ควรอายที่จะหลีกเลี่ยงมัน แต่มันจะมีสักวันหนึ่งที่เป็นจริง “
แม้ว่า TOYOTA ไม่ได้จำหน่าย RAV4 ในประเทศไทย แต่สำหรับ TOYOTA RAV4 ปัจจุบันพัฒนาถึงเจนที่ 5 ล่าสุดทางสื่อรถยนต์ประเทศญี่ปุ่น Car-repo.jp เผยว่า โตโยต้า มีแผนจะพัฒนา โมเดลเชนจ์เต็มรูปแบบ (รุ่นที่ 6) ของ “RAV4” และวางจำหน่ายประมาณเดือนพฤษภาคม 2025 ซึ่งจะมีจำหน่ายทั้งไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริด (รุ่นไฮบริดได้รับความนิยมอย่างมากในสหรัฐอเมริกา)
RAV4 ที่ผ่านมาได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงโมเดลทั้งหมดเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว และเจนเนอเรชั่นที่ 5 ในปัจจุบันจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 ในปี 2025 มาพร้อมการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญ เราคาดว่ามันจะมาพร้อมระบบปลั๊กอินไฮบริดที่ทรงพลัง ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้น
- Toyota RAV4 โฉมปัจจุบัน คือเจนที่ 5 เปิดตัวตั้งแต่ปี 2018 บนแพลตฟอร์ม TNGA-K (GA-K) โดยมีให้เลือกทั้งรุ่นไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริด คาดว่ามันจะได้รับการปรับโฉมครั้งใหม่ในปีหน้า หรือปี 2024
RAV4 รุ่น Plug-in Hybrid Electric (PHEV) ได้รับการเผยโฉมที่งานLos Angeles Auto Show ในเดือนธันวาคม 2019 รถรุ่นนี้มีชื่อว่า RAV4 PHEV (RAV4 Prime ในอเมริกาเหนือ) ขับเคลื่อนด้วย เครื่องยนต์ A25A-FXS ขนาด 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 302 แรงม้า วิ่งไฟฟ้า 65 กม.
Drive ยังอ้างว่า RAV4 เจเนอเรชั่นต่อไปมีกำหนดวางจำหน่ายในโชว์รูมภายในปลายปีหน้าหรือต้นปี 2025 แต่เราคาดว่าอาจยาวไปจนถึง 2026 แต่รุ่นไฮบริดอาจได้รับการเปิดตัวก่อนหน้านั้น
TOYOTA กำลังวางแผนสร้างรถยนต์ Plug-In Hybrid ปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV โดยสามารถมีระยะทางกว่า 200 กม. โตโยต้า ไม่ได้ระบุว่า ระยะกว่า 200 กม. จะเป็นมาตรฐาน WLTP หรือ EPA
หากสิ่งนี้เป็นจริง RAV4 PHEV ปลั๊กอินไฮบริดใหม่ จะสามารถวิ่งได้กว่า 200 กม. อย่างไม่ต้องสงสัย แต่จะเปิดตัวในรถยนต์ปลั๊กอินรุ่นไหน เราต้องรอติดตาม
วันที่ 7 เมษายน 2023 Koji Sato ซีอีโอคนใหม่ของ Toyota ตั้งเป้าหมายให้บริษัทขายรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ 1.5 ล้านคันต่อปีภายในปี 2026 โดยเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อไปกว่า 10 รุ่น
โตโยต้า เปิดตัวกลยุทธ์การใช้พลังงานไฟฟ้าใหม่ ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Koji Sato ซึ่งเข้ามาแทนที่ Akio Toyoda เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2023 ในขณะที่บริษัทวางแผนที่จะนำเสนอรถยนต์ที่มีระบบส่งกำลังประเภทต่างๆ ต่อไป แต่ก็ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแบตเตอรี่ไฟฟ้ามากขึ้น สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าล้วน
ในระหว่างการนำเสนอ Sato ประกาศว่า Toyota วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (BEV) ใหม่ 10 รุ่นภายในปี 2026 ดยมีเป้าหมายเพื่อขยายขอบเขตการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ นี้คือความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของโตโยต้า ที่จะสร้างกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ แม้ว่าพวกเขาจะช้ากว่าหลายแบรนด์
แม้ว่า Toyota จะไม่ได้กล่าวถึงเป้าหมายเดิมที่จะขาย 3.5 ล้าน BEV ต่อปีภายในปี 2030 แต่บริษัทก็คาดการณ์ว่าจะขาย 1.5 ล้าน BEV ต่อปีภายในปี 2026 โตโยต้า ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเพิ่มเติม แต่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบที่จะเปิดตัวได้แก่ Tacoma EV, Crown EV และ bZ Compact SUV
ฮิโรกิ นากาจิมะ รองประธานบริหารของ Toyota กล่าวถึงแผนการของบริษัทสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่รุ่นต่อไป (BEV) ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวหลังปี 2026 รถยนต์ไฟฟ้าล้วน จะเสริมประสิทธิภาพการขับขี่ที่เร้าใจมากขึ้น Nakajima ตั้งข้อสังเกตว่า EV รุ่นต่อไปจะนำเสนอ “ระยะสองเท่าโดยใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น” เขายังสัญญาว่าการออกแบบและสมรรถนะการขับขี่ของพวกเขาจะน่าประทับใจ
นอกจากนี้ยังมาพร้อมการแนะนำ Lexus ด้ววยภาพสเก็ตซ์เงา แสดงให้เห็นการออกแบบฟาสต์แบ็กไฟฟ้ารุ่นใหม่ พร้อมสไตล์ที่เฉียบคม เพื่อให้แผนเหล่านี้บรรลุผล TOYOTA ได้ประกาศจัดตั้งหน่วยงานใหม่เฉพาะทางขึ้น หรือ “All in One Team” โดยจะมีผู้นำคนเดียวมีอำนาจเต็มในการตัดสินใจ และจะรับผิดชอบในทุกด้านของการพัฒนา การผลิต และการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า
ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์ของญี่ปุ่นยังได้พูดคุยเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการ Arene ใหม่สำหรับ EV รุ่นต่อไปที่จะรองรับการอัปเดตแบบ over-the-air และอนุญาตให้เจ้าของรถปรับแต่งได้เพื่ออรรถรสในการขับขี่ที่สนุกมากขึ้น
นอกเหนือจากการมุ่งเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าแล้ว โตโยต้าจะยังคงพัฒนารถยนต์ไฮบริดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีราคาย่อมเยา ในขณะที่นำเสนอรถปลั๊กอินไฮบริดที่มีระยะทางสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียวมากกว่า 200 กม.
TOYOTA ยังให้ความสำคัญกับพลังงานไฮโดรเจน และ เชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆอีกต่อไป ความพยายามของโตโยต้าในการพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด จะมีส่วนช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายระยะยาวในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050
โยอิจิ มิยาซากิ รองประธานบริหารของ Toyota ได้ระบุจุดเน้นของบริษัทในแต่ละภูมิภาค ในยุโรป Toyota จะเน้นสไตล์และสมรรถนะการขับขี่ ขณะที่ในจีนจะเน้นไปที่การใช้พลังงานไฟฟ้า สำหรับประเทศญี่ปุ่น โตโยต้าจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กและรถมินิแวน ในขณะที่ในอเมริกาเหนือ จะเน้นไปที่รถ SUV และรถปิคอัพขนาดใหญ่ ประการสุดท้าย สำหรับภูมิภาคทางตอนใต้ทั่วโลก โตโยต้าจะเน้นคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และราคาที่จับต้องได้
ด้วยการมุ่งเน้นไปที่ความต้องการเฉพาะและลำดับความสำคัญของแต่ละภูมิภาค โตโยต้าหวังที่จะพัฒนายานยนต์ที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าทั่วโลก และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ระดับโลก
รถยนต์ขายดีสุดในโลกประจำปี 2023
- TESLA MODEL Y : 1.23 ล้านคัน
- TOYOTA RAV4 : 1.07 ล้านคัน
- TOYOTA COROLLA : 1.01 ล้านคัน
Toyota RAV4 PHEV
ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเผยแพร่โดย Autoevolution.com ได้ระบุว่าทางโตโยต้า เผยข้อมูลตัวเลข WLTP CO2 เพียง 29 กรัม / กม. ซึ่งหากแปลงเป็นอัตราประหยัดน้ำมันจะได้ถึงระดับ 1.25 ลิตร ต่อ 100 กม./ลิตร หรือ 80 กม./ลิตร (มากถึง 188 MPG) ในโหมดไฟฟ้า
และแบตเตอรี่ของ RAV4 Plug-in Hybrid สามารถขับด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวได้ถึง 65 กม. (40 ไมล์) ตัวเลขเหล่านี้อาจเกินจริง แน่นอนว่ามันเยอะเกินไปมาก แต่รถรุ่นสเปคยุโรป ปล่อย CO2 22 กรัมต่อกิโลเมตร (WLTP) นั่นแสดงว่าจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 1 ลิตรต่อ 100 กม. (มากกว่า 235 mpg) ยิ่งไปกว่านั้นระยะการขับขี่ไฟฟ้าของแบตเตอรี่ที่ชาร์จ ถึง 75 กม./ครั้งในโหมดไฟฟ้า
-
อัตราเร่ง 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.2 วินาที ให้โหมด EV ใช้เวลา 10 วินาที
ข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงค่าการปล่อย CO2 29 กรัม/กม. เอามาคำนวนอัตราประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่ารถดังกล่าวสามารทำอัตราประหยัดน้ำมันจริงๆ เท่าไหร่ ? แต่ถึงอย่างไร โตโยต้ายืนยันว่า RAV4 Plug-in Hybrid เป็นรุ่นที่ประหยัดน้ำมันที่สุดในซีรีย์ RAV4
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด+มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 306 แรงม้า อัตราความเร็ว 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.2 วินาที ปล่อย CO2 เฉลี่ยน้อยกว่า 29g / k ติดตั้ง AWD-i มาตรฐาน (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าอัจฉริยะ) แบตเตอรี่มาตรฐาน WLTP ระบุว่าสามารถวิ่งได้ 65 กม. สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดที่ 135 กม. / ชม. โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
เป็นการทดลองขับ Toyota RAV4 Prime Plug in Hybrid ครั้งแรกของโลก แสดงให้เห็นการออกแบบ ทั้งภายนอก และภายในห้องโดยสาร และ สมรรถนะในการขับเคลื่อนผ่่าน VDO ช่อง youtube : CAR Droid นักวิจารณ์รถยนต์ในญี่ปุ่น
Toyota RAV4 Prime ราคาเริ่มต้น 38,100$ ประมาณ 1.2 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมค่าสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลกลาง 1,120$
-
ราคาสูงกว่า Mitsubishi Outlander PHEV เริ่ม 1.09 ล้านบาท
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด+มอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังรวม 306 แรงม้า อัตราความเร็ว 0 – 100 กม./ชม. ภายใน 6.2 วินาที ปล่อย CO2 เฉลี่ยน้อยกว่า 29g / k ติดตั้ง AWD-i มาตรฐาน (ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้าอัจฉริยะ) แบตเตอรี่มาตรฐาน WLTP ระบุว่าสามารถวิ่งได้ 65 กม. สามารถเข้าถึงความเร็วสูงสุดที่ 135 กม. / ชม. โดยใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
การออกแบบของ RAV4 ไฮบริดมีการปรับแต่งเล็กน้อย ไฟหน้า LED แบบ Bi-Beam กระจังหน้าตาข่ายสีดำเงา พร้อมตัวถังสีใหม่ Supersonic Red ล้อโครเมี่ยมหลังคาดำ ล้ออัลลอย 18 – 19 นิ้วแล้วแต่รุ่น
-
สามารถเลือกซื้อ RAV4 Prime XSE ไฟส่องสว่างกลางวันแนวตั้ง และล้ออัลลอย 19 นิ้วทูโทน ยังสามารถติดตั้งหลังคาสีดำได้อีกด้วย
ภายในห้องโดยสาร วัสดุหุ้มหนังดำเดินด้ายแดง และ โครเมี่ยม เบาะหนังสีดำคาดแดงพร้อมเดินด้ายแดง ทั้งคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง พวงมาลัย และแผงข้างประตู ติดตั้งหน้าจอควบคุมเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay® และ Android Auto, HUD หรือ Head-up Display ระบบอุ่นเบาะด้านหน้าและหลัง ประตูท้ายแบบพาวเวอร์ หลังคาพาโฯรามา ความจุสัมภาระคือ 520 ลิตร (18.3 ลูกบาศ์กฟุต) พื้นที่แบตเตอรี่ 60 ลิตร
-
สำหรับ $ 1,665 ประมาณ 52,900 บาท เพิ่มเติมลูกค้าสามารถรับแพ็คเกจ Weather & Moonroof พวงมาลัยระบบอุ่นด้านหลัง ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ และ Moonroof
-
แพ็คเกจ Weather and Audio ราคา $ 2,435 ประมาณ 77,400 บาท ประกอบด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวทั้งหมดรวมถึงระบบเครื่องเสียง JBL พรีเมียมระบบนำทางแบบไดนามิก ฟรี 3 ปี และ ระบบช่วยเหลือปลายทาง ฟรี 1 ปี
-
แพ็คเกจ Weather with Audio and Premium” ซึ่งมีราคา 5,760 ดอลลาร์ ประมาณ 183,000 บาท มีทั้งสองแพ็คเก็จดังกล่าว แต่เพิ่มเติม ระบบระบายความร้อน / ระบายอากาศที่นั่งผู้โดยสารแบบสี่ทิศทาง หลังคาพาโนรามา จอแสดงผลแบบ head-up, กระจกมองหลังแบบดิจิตอล, ประตูท้ายเปิดด้วยระบบสัมผัส กล้องรอบทิศ และ เต้าเสียบ 120V บริเวณพื้นที่เก็บสัมภาระ
ระบบความปลอดภัย Toyota’s Safety Sense system
-
ระบบเตือนผู้ขับขี่พร้อมช่วยเบรกอัตโนมัติก่อนจะเกิดการชน Pre-Collision System autonomous braking with pedestrian and cyclist detection
-
ระบบระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ full-speed Dynamic Radar Cruise Control (DRCC)
-
ระบบเตือนเมื่อรถและหน่วงพวงมาลัยเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Alert (LDA) with steering assist
-
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB)
-
ระบบควบคุมรถบนเส้นทางไร้เส้นแบ่งเลนถนน Lane Tracing Assist (LTA)
-
ระบบควบคุมเฟืองท้ายอัตโนมัติ Trail Mode เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการยึดเกาะถนนและสามารถควบคุมรถยนต์ได้ดีในขณะที่วิ่งอยู่บนพื้นถนนที่ลื่น