Advertisement

Advertisement

TOYOTA ค้านรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ต้องค่อยเป็นค่อยไป

TOYOTA ค้านรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ต้องค่อยเป็นค่อยไป
Spread the love

Advertisement

Advertisement

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) ได้ประชุมผ่าน Video Conference กับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะผู้บริหารกระทรวงการคลัง เพื่อหารือเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ในประเทศไทย ซึ่งทางสรรพสามิตกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างทั้งระบบ และ ส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานใหม่อย่าง BEV , PHEV , EV

โตโยต้า หนุนใช้รถยนต์น้ำมันในไทยต่อ

ผู้บริหารบริษัทโตโยต้า ต้องให้การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ใหม่ของกระทรวงการคลัง ต้องคำนึงถึงรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ICE ซึ่งปักหลักในประเทศไทยมานาน และ มีซัพพลายเชนในประเทศ แน่นอนหากปรับโครงสร้างเร็วเกินไป จะส่งผลต่อแรงงาน และ โครงสร้างโดยรวมในการผลิตรถยนต์ ICE และกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอีกหลายราย

แหล่งข่าวกล่าวว่า กระทรวงการคลัง พยายามสร้างความสมดุลระหว่างการรักษาฐานการผลิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงแบบดั้งเดิม กับรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้า โดยอาจทยอยปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์เพื่อให้บริษัทรถยนต์ในประเทศมีเวลาปรับตัว ซึ่งปัจจุบันบริษัท โตโยต้า มีรถยนต์ที่เป็นรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าเพียงแบรนด์เดียว คือ เล็กซัส ทำให้การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้ายังตามหลังรถยนต์จีน

ประเทศไทย เตรียมเสริมมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ปี 2565 เล็งลดภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าให้ถูกลง หนุนยอดผลิต EV 30% ภายในปี 2568

คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ประเทศไทย เตรียมผลักดันยานยนต์ไฟฟ้าในไทย พร้อมให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 100% ภายในปี 2578

และ ในปี 2573 ต้องผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้ถึง 50% ของรถยนต์ในประเทศ ในปี 2568 ต้องมียอดรถยนต์ไฟฟ้าสะสม 1.05 ล้านคัน หรือ 30% ของรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ

ปัจจุบันการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าโดนภาษี 20-80% ตามลำดับ สำหรับรถยนต์ยุโรป และ ญี่ปุ่น แต่ในปีหน้า เราจะได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ายุโรปถูกลงด้วยภาษี 0% คล้ายๆจีน

  • EV จีนได้ภาษีนำเข้า 0% จาก FTA จีน-อาเซียน ที่กระทรวงพาณิชย์ไปทำไว้ อาจจะไม่เป็นธรรมในการแข่งขัน และไม่สนับสนุนให้เกิดการผลิตในประเทศ โดยรถ EV ทั้งคันจากจีนสามารถนำเข้ามาขายได้ในราคาที่ต่ำ ขณะที่การนำเข้าแบตเตอรี่อย่างเดียวยังเสียภาษีในอัตราที่สูง

กระทรวงการคลัง และหน่วยงานอย่างกรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ยื่นแผนปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตอีวี (EV) ให้คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธาน พิจารณาเรียบร้อย รอเพียงการประกาศอย่างเป็นทางการ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป

มาตรการส่งเสริมซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 จะทำให้ราคารถยนต์นำเข้าที่นำมาขายในประเทศไทยมีราคาที่ถูกลงมาก จนสามารถจูงใจให้คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ซึ่งเมื่อเกิดความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ก็จะจูงใจให้เกิดการลงทุนก่อสร้างสถานีชาร์จมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทย บรรลุเป้าหมายภายในปี 2573 จะมียอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด

สำหรับรายละเอียดของมาตรการส่งเสริมจะมีการประกาศในเร็วๆนี้ โดยจะเป็นแพ็คเกจ มีทั้งมาตรการภาษีและไม่ใช่มาตรการภาษี ที่อาจนำมาใช้สนับสนุน เช่น การลดภาษีรถยนต์ประจำปี,การลดราคาค่าทางด่วน หรือการสนับสนุนที่จดรถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น 

สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิต ภาษียานยนต์ไฟฟ้า 2 รูปแบบ คือ

1.เครื่องยนต์ไฮบริด หากเป็นรถยนต์นั่งเครื่องยนต์ต่ำกว่า 3,000 ซีซี เสียภาษี 8% แต่จะเสียเพียง 4% จนถึงปี 2568 และหากเครื่องยนต์มากกว่า 3,000 ซีซี จะเสียภาษี 16-26% ตามปริมาณการปล่อยคาร์บอน ไดออกไซด์ แต่ระหว่างนี้จนถึงปี 2568 กรมสรรพาสามิตลดาภาษีให้ 50% และ

2.BEV หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100% เสียภาษี 8% แต่เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า กรรมสรรพสามิตจึงให้แรงจูงใจ โดยลดลงภาษีออกเป็น 2 ระดับ คือในปี 2561-2565 เสีย 0% จาก 2% และ ปี 2566-2568 เสีย 2% 

ทั้งนี้ ปริมาณการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าปีงบประมาณ 2564 อยู่ที่ 2,133 คัน หดตัวลงเล็กน้อย จากปี 2563 ที่นำเข้าจำนวน 2,177 คัน โดยยอดนำเข้าในปี 2564 เป็นการนำเข้าจากจีนในสัดส่วน 54% ลดลงจากปี 2563 ที่นำเข้าจากจีน 91% เนื่องจาก มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากเยอรมันเป็นสัดส่วน 20% อังกฤษ 10% และสหรัฐอเมริกาอีก 10%

เขายังกล่าวด้วยว่า สำหรับมาตรการดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนหรือพำนักในประเทศไทย โดยกรมศุลฯจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้านการพิจารณาส่งเสริมการลดภาษีสินค้านำเข้าประเภทไวน์ สุรา และ ยาสูบ ขณะนี้ กรมฯได้เสนอแนวทางการพิจารณาไปยังระดับนโยบายเรียบร้อยแล้ว โดยการพิจารณาอนุมัติมาตรการในภาพรวมนั้น ทางสภาพัฒน์จะจัดให้มีการประชุมในวันนี้(25พ.ค.)

Bangkokbiznews.com

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้