Advertisement

Advertisement

ปล่อยทีเซอร์ Xpeng G9 รุ่นเรือธง คู่แข่ง Tesla Model Y

ปล่อยทีเซอร์ Xpeng G9 รุ่นเรือธง คู่แข่ง Tesla Model Y
Spread the love

Advertisement

Advertisement
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2021 Weibo อย่างเป็นทางการของ Xpeng Motors ได้ปล่อยตัวอย่าง SUV ใหม่ของ Xpeng รถคันนี้น่าจะเป็น SUV รุ่นใหม่ นามว่า G9
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2021 Weibo อย่างเป็นทางการของ Xpeng Motors ได้ปล่อยตัวอย่าง SUV ใหม่ของ Xpeng รถคันนี้น่าจะเป็น SUV รุ่นใหม่ นามว่า G9

Xpeng Motors ปัจจุบันมีรถยนต์จำหน่าย 3 รุ่น ได้แก่ Xpeng P7, P5 และ G3i

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2021 ได้มีการจับภาพทดสอบวิ่งสำหรับ SUV ขนาดกลาง-ใหญ่ คาดว่าน่าจะเป็น G9 รุ่นเรือธงตัวใหม่

จากภาพดังกล่าว แม้ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมาก แต่เราพอรู้ว่ามันคือรถที่ออกแบบมาในสไตล์ครอบครัวกลุ่มไฟหน้าแบบ LED ไม่ได้แตกต่างจากภาพทีเซอร์ก่อนหน้านี้

Xpeng Motors วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ Smart EV ใหม่ภายในปีหน้า โดยจะใหญ่กว่า และ ล้ำหน้ากว่า G3i SUV ที่พึ่งเปิดตัว คุณสมบัติจะเทียบเคียงคู่แข่ง Tesla Model Y ที่กำลังเปิดตัว

Xpeng SUV ใหม่ที่จะมาถึงในปี 2022 น่าจะเป็นขนาดกลาง แพลตฟอร์ม ‘David’ ของบริษัท

Xpeng Motors ยืนยันว่ากำลังพัฒนารถเอสยูวีรุ่นใหม่ จะมีฐานล้อ 2,800 ถึง 3,100 มม. ความยาวตัวถังประมาณ 5 เมตร

Xpeng SUV ใหม่ อาจมีระบบส่งกำลัง AWD แบบสองมอเตอร์ที่ให้กำลังอย่างน้อย 430 แรงม้า แรงบิด 655 นิวตันเมตร และสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม ภายใน 5 วินาที ชุดแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 80 kWh สามารถวิ่งได้ 500 กม./ชาร์จ WLTP ม

Xpeng SUV ใหม่มีแนวโน้มที่จะใช้ XPILOT 4.0 และ LiDAR สำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง แชสซีอัจฉริยะ ระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ความสามารถในการชาร์จอย่างรวดเร็ว และความสามารถ OTA ที่เพิ่มขึ้น

หากมันเปิดตัวจริงๆ จะมีราคาอยู่ระดับประมาณ 300,000 หยวน หรือประมาณ 1.53 ล้านบาท

Autopilot มี 5 ระดับ ได้แก่

  • ระดับ 1 จะมีระบบอัตโนมัติ ช่วยเหลือผู้ขับขี่ เช่น การบังคับเลี้ยวหรือการเร่งและรักษาคุมความเร็วคงที่ รวมทั้งระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งสามารถควบคุมยานพาหนะไว้ในระยะที่ปลอดภัยต่ออุบัตเหตุ ซึ่งคุณสมบัติ Level 1 ยังต้องการวิจารณญาณของมนุษย์คนขับ ตรวจสอบการใช้ฟังก์ชั่นช่วยขับขี่ร่วมด้วย
  • ระดับ 2 จะมีระบบ ADAS หรือ Advanced Driver Assistance Systems ซึ่งเป็นระบบบังคับเลี้ยวอัตโนมัติคู่กับระบบความคุมอัตรเร่งและปรับความเร็วให้ทำงานประสานกันผ่านกลไกการควบคุมที่ซับซ้อน… ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทุกค่ายล้วนใส่เงินไปกับการวิจัยระบบ ADAS ต่อเนื่องมานาน ซึ่งระบบ ADAS ที่มีชื่อเสียงและสอบผ่านมาตรฐาน Level 2 รุ่นแรกๆ จนได้ทดสอบ
  • ระดับ 3 จะมีความสามารถในการตรวจจับสภาพแวดล้อม และสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดเช่น การเร่งแซงรถที่ช้า แต่ระบบก็ยังต้องการความช่วยเหลือจากมนุษย์ แม้มนุษย์ไม่ต้องเหยียบคันเร่งถือพวงมาลัย… แต่ผู้ขับขี่จะต้องตื่นตัวและพร้อมที่จะเข้าควบคุมทันทีหากระบบผิดพลาด ซึ่งส่วนใหญ่ระบบจะออกแบบให้ตรวจสอบเงื่อนไขการทำงานอัตโนมัติตลอดเวลา และหาก Condition หรือเงื่อนไขการทำงานในระบบผิดพลาด… รถจะมีฟังก์ชั่นขอความช่วยเหลือจากมนุษย์ติดมาด้วย
  • ระดับ 4 ไม่ต้องมีมนุษย์คอยช่วยเหลือในยามเข้าตาจนเหมือน Level 3 อีกเลย แม้จะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นทั้งในระบบและสภาพแวดล้อมภายนอก หรือแม้แต่เกิดขัดข้องขึ้น พาหนะ Level 4 ก็จะจัดการความผิดปกติและบกพร่องทั้งหลายได้เอง โดยพึ่งพาและปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ในฐานะผู้โดยสาร มากกว่าจะพึ่งพามนุษย์ในฐานะผู้ควบคุมปกป้องความผิดพลาด พาหนะ Level 4 สามารถทำงานในโหมดขับขี่ด้วยตนเอง หรือ Self-Driving Mode ได้อย่างสมบูรณ์
  • ระดับ 5 ไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆ จากมนุษย์อีก เพราะระบบจะทำงาน Dynamic Driving Task เต็มประสิทธิภาพ เทียบเท่าระดับเดียวกับหรือดีกว่ามนุษย์ที่มีทักษะการขับรถยอดเยี่ยมที่สุด… พาหนะ Level 5 จึงไม่มีแม้แต่พวงมาลัย แป้นเหยียบคันเร่งและแป้นเบรก ทำให้พาหนะ Level 5 เป็น Fully Autonomous Cars ซึ่งเป็นเป้าหมายความสำเร็จของการพัฒนายานพาหนะบนผิวพื้นยุคต่อไป… ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่า กฏหมายและโครงสร้างพื้นฐานของ Smart City

MYDRIVE

Advertisement

Advertisement

ใส่ความเห็น

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้