ยอดขายรถยนต์ในไทยปี 2567 รวม 572,675 คัน TOYOTA ขายได้ 220,356 คัน

ยอดขายรถยนต์ในไทยปี 2567 รวม 572,675 คัน TOYOTA ขายได้ 220,356 คัน
Spread the love

Advertisement

Advertisement

 

ยอดขายรถยนต์ในไทย ปี 2567

  • Toyota: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 220,356 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 265,949 คัน (-17.1%) มีส่วนแบ่งตลาด 38.5%
  • Isuzu: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 85,582 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 151,935 คัน (-43.7%) มีส่วนแบ่งตลาด 14.9%
  • Honda: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 76,574 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 94,336 คัน (-18.8%) มีส่วนแบ่งตลาด 13.4%
  • Mitsubishi: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 27,318 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 32,668 คัน (-16.4%) มีส่วนแบ่งตลาด 4.8%
  • BYD: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 27,021 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 30,432 คัน (-11.2%) มีส่วนแบ่งตลาด 4.7%
  • Ford: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 20,893 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 36,483 คัน (-42.7%) มีส่วนแบ่งตลาด 3.6%
  • MG: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 17,239 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 27,311 คัน (-36.9%) มีส่วนแบ่งตลาด 3.0%
  • Nissan: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 9,427 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 16,423 คัน (-42.6%) มีส่วนแบ่งตลาด 1.6%
  • Mazda: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 9,220 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 16,544 คัน (-44.3%) มีส่วนแบ่งตลาด 1.6%
  • Changan: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 8,549 คัน (ไม่มีข้อมูลในปี 2023) มีส่วนแบ่งตลาด 1.5%
  • GWM: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 7,364 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 13,039 คัน (-43.5%) มีส่วนแบ่งตลาด 1.3%
  • Neta: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 6,534 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 13,836 คัน (-52.8%) มีส่วนแบ่งตลาด 1.3%
  • Suzuki: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 5,654 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 12,151 คัน (-53.5%) มีส่วนแบ่งตลาด 1.0%
  • Hino: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 4,550 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 11,763 คัน (-61.3%) มีส่วนแบ่งตลาด 0.8%
  • Hyundai: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 3,769 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 5,550 คัน (-32.1%) มีส่วนแบ่งตลาด 0.7%
  • Kia: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 1,877 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 1,253 คัน (+49.8%) มีส่วนแบ่งตลาด 0.3%
  • Porsche: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 1,606 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 1,445 คัน (+11.1%) มีส่วนแบ่งตลาด 0.3%
  • Subaru: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 697 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 1,682 คัน (-58.6%) มีส่วนแบ่งตลาด 0.1%
  • CP Foton: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 533 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 414 คัน (+28.7%) มีส่วนแบ่งตลาด 0.1%
  • Peugeot: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 193 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 427 คัน (-54.8%) มีส่วนแบ่งตลาด 0.0%
  • Other makers: ยอดขายปี 2024 อยู่ที่ 37,719 คัน ลดลงจากปี 2023 ซึ่งมียอดขาย 42,104 คัน (-10.4%) มีส่วนแบ่งตลาด 6.6%

ยอดขายรวมทั้งหมด:

  • ปี 2024: 572,675 คัน
  • ปี 2023: 775,745 คัน
  • อัตราการเปลี่ยนแปลง: ลดลง -26.2%

ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2567 ยังคงอยู่กับสถานการณ์ที่ท้าทายเป็นอย่างมาก จากสภาวะโดยรวมและทิศทางของตลาดในปีที่ผ่านมา สะท้อนมายังตลาดรถยนต์ในประเทศ โดยมีตัวเลขยอดขายรวมในปี 2567 อยู่ที่ 572,675 คัน หรือลดลง 26.2% เมื่อเทียบกับปี 2566

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2567 ยอดขายปี 2567 การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566 ส่วนแบ่งตลาด
ปริมาณการขายโตโยต้า 220,356 คัน -17.1% 38.5%
รถยนต์นั่ง  66,912 คัน -32.6% 29.9%
รถเพื่อการพาณิชย์ 153,444 คัน -7.9% 44.0%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 91,001 คัน -29.3% 45.5%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 77,987 คัน -26.8% 47.7%

 

สถิติการขายรถยนต์ในปี 2567 ยอดขายปี 2567 การเปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566
ปริมาณการขายรวม  572,675 คัน -26.2%
รถยนต์นั่ง   224,148 คัน -23.4%
รถเพื่อการพาณิชย์ 348,527 คัน -27.9%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 200,190 คัน -38.4%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 163,347 คัน -38.3%

 

เนื้อหานี้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทิศทางตลาดยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา โดยสรุปปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายและแนวโน้มอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึง:

  1. ปัจจัยลบที่กระทบตลาด
    • กำลังซื้อที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจ
    • ค่าครองชีพและอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อที่อยู่ในระดับสูง
    • ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ
  2. ปัจจัยบวกที่ยังคงส่งผลดี
    • ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของรถยนต์พลังงานทางเลือก โดยเฉพาะรถยนต์ไฮบริด (HEV) ซึ่งมียอดขายเติบโตขึ้น 29%
    • ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีทางเลือกมากขึ้น
  3. ภาพรวมตลาดของโตโยต้า
    • แม้ยอดขายรวมลดลง 17.1% (220,356 คัน) แต่ยังคงเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 38.5%
    • ความนิยมของอีโคคาร์และรถไฮบริด เช่น Yaris Cross ซึ่งยังคงได้รับการตอบรับดี
    • โตโยต้าครองตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ด้วยส่วนแบ่ง 44%
    • ความสำเร็จของ Toyota Hilux Champ ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดรถกระบะ 7.2% (ยอดขาย 11,743 คัน)
    • กลยุทธ์ทางการตลาดและผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ดี
ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2568 ยอดขายประมาณการ

ปี 2568

เปลี่ยนแปลงเทียบกับ

ปี 2567

ปริมาณการขายรวม 600,000 คัน  +5.0%
รถยนต์นั่ง 235,900 คัน  +5.0%
รถเพื่อการพาณิชย์ 364,100 คัน  +4.0%

สำหรับโตโยต้า ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 231,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 5% โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 38.5%

ประมาณการยอดขายรถยนต์โตโยต้าในปี 2568 ยอดขายประมาณการ

ปี 2568

เปลี่ยนแปลง

เทียบกับปี 2567

ส่วนแบ่งตลาด
ปริมาณการขายโตโยต้า 231,000 คัน  +5.0% 38.5%
รถยนต์นั่ง 79,300 คัน  +19% 33.6%
รถเพื่อการพาณิชย์ 151,700 คัน  -1.0% 41.7%
รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 87,365 คัน  -4.0% 47.8%
รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 73,800 คัน  -5.0% 50.7%

ปริมาณการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2567

ในปี 2567 โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปไปจำนวน 338,107 คัน ลดลง 11% จากปี 2566 โดยยอดรวมการผลิตรถยนต์สำหรับการขายภายในประเทศและการส่งออกใน   ปี 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 536,145 คัน หรือลดลง  14% จากปี 2566

ปริมาณการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของ

โตโยต้าในปี 2567

ปริมาณในปี 2567 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2566
ปริมาณการส่งออก 338,107 คัน  -11%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 536,145 คัน  -14%

 

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์และการผลิตของโตโยต้าในปี 2568

         

สำหรับเป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปี 2568 คาดการณ์ว่ายังต้องเผชิญกับภาวะทรงตัวสอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ตลอดจนภาวะฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำลังซื้อของประเทศ  คู่ค้า ส่งผลให้โตโยต้าตั้งเป้าปริมาณการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 336,184 คัน หรือลดลง 1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และได้ตั้งเป้าการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของปี 2568 อยู่ที่ราว 537,860 คัน หรือเพิ่มขึ้น 0.3% จากปีที่ผ่านมา

เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปและการผลิตของโตโยต้าปี 2568 ปริมาณในปี 2568 เปลี่ยนแปลงเทียบกับปี 2567
ปริมาณการส่งออก 336,184 คัน  -1.0%
ยอดผลิตรวมทั้งส่งออกและการขายในประเทศ 537,860 คัน  +0.3%

แนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2568

1. แนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดยานยนต์
ปี 2568 คาดว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลัก ได้แก่:

  • การขยายตัวของภาคธุรกิจและการลงทุน ที่จะช่วยกระตุ้นอุปสงค์ในตลาดยานยนต์
  • การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งช่วยเพิ่มความต้องการรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และรถเช่า
  • มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ที่มุ่งกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์
  • การแข่งขันด้านราคาและกลยุทธ์ส่งเสริมการขาย จากผู้ผลิตรถยนต์ ซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น

2. ความท้าทายที่ยังต้องจับตา
แม้จะมีปัจจัยบวก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่:

  • ภาวะเศรษฐกิจโลก ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกและกำลังซื้อภายในประเทศ
  • ความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูงและอัตราหนี้เสีย (NPL) อาจยังทรงตัวในระดับสูง
  • อัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการตัดสินใจซื้อรถใหม่

3. คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในปี 2568

  • คาดว่ายอดขายรถยนต์รวมจะอยู่ที่ 600,000 คัน
  • เติบโตขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

แนวทางการดำเนินงานของโตโยต้าในประเทศไทย ซึ่งครอบคลุม 4 ด้านหลัก ได้แก่

  1. คุณภาพ ความทนทาน และความน่าเชื่อถือ (QDR)
    • โตโยต้ายึดมั่นในหลักการ Quality, Durability และ Reliability เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยเน้นการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ กระบวนการผลิต และการควบคุมคุณภาพในทุกขั้นตอน
  2. การให้บริการที่ครอบคลุม (Mobility Company)
    • โตโยต้าไม่ได้เน้นเพียงแค่การผลิตรถยนต์คุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการให้บริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เช่น
      • T-Connect (บริการดิจิทัลเชื่อมต่อ)
      • TCFR Plus+ (บริการหลังการขายครอบคลุมทั่วประเทศ)
      • FIX FIT (ศูนย์บริการสำหรับรถนอกระยะรับประกัน)
      • Toyota SURE (บริการรับซื้อ แลกเปลี่ยนรถมือสองคุณภาพดี)
  3. การพัฒนาสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality)
    • โตโยต้าดำเนินโครงการพัฒนาเทคโนโลยีที่หลากหลายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น
      • รถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV)
      • รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV)
      • รถยนต์พลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV)
  4. กิจกรรมเพื่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืน
    • โตโยต้ามุ่งมั่นพัฒนาสังคมไทยผ่านโครงการต่างๆ เช่น
      • โครงการ โตโยต้า ถนนสีขาว (ส่งเสริมการขับขี่ปลอดภัย)
      • โครงการ ลดเปลี่ยนโลก (รณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม)
      • โครงการ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ (สนับสนุนวิสาหกิจชุมชน)
      • Toyota GIVING (ส่งเสริมคุณภาพชีวิตในชุมชน)

Advertisement

Advertisement

คุณไม่สามารถคัดลอกเนื้อหาของหน้านี้ได้